หลังจากการอัปเกรด ‘เดนคูน(Dencun)’ ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) ลดลงถึง 95% ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลจาก ‘อีเธอร์สแกน(Etherscan)’ พบว่าค่าธรรมเนียมเฉลี่ยสำหรับการทำธุรกรรมแบบสวอป(Swap) อยู่ที่เพียง 0.39 ดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่สูงถึง 86 ดอลลาร์ นับเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การอัปเกรดเดนคูน ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2024 เป็นการรวมเอาการอัปเกรดสองส่วน ได้แก่ ‘แคนคูน(Cancun)’ สำหรับเลเยอร์การประมวลผล และ ‘เดเนบ(Deneb)’ สำหรับเลเยอร์การตรวจสอบ จนกลายเป็นหนึ่งในการปรับปรุงเครือข่ายครั้งใหญ่ของอีเธอเรียม จุดประสงค์หลักคือการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตัวและลดค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายเลเยอร์ 2 ผ่านการนำ 9 ข้อเสนอปรับปรุงอีเธอเรียม (EIP) เข้ามาใช้
ข้อมูลจาก ‘YCharts’ แสดงให้เห็นว่าค่าก๊าซเฉลี่ยที่ 72 gwei ในปี 2024 ลดลงเหลือเพียง 2.7 gwei ภายในวันที่ 12 มีนาคม 2025 ค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขาย NFT ก็ลดลงจาก 145 ดอลลาร์ เหลือ 0.65 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของการอัปเกรดโดยตรง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าธรรมเนียมก๊าซจะลดลง แต่ราคาของอีเธอเรียม (ETH) กลับลดลงถึง 53% ตั้งแต่การเปิดตัวเดนคูน โดยในเดือนมีนาคม 2024 ETH มีราคาสูงกว่า 4,070 ดอลลาร์ แต่ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2025 ราคาลดลงมาที่ 1,891 ดอลลาร์
โดมินิก ฮาร์ซ(Dominik Harz) ผู้ร่วมก่อตั้ง 'บิลด์ ออน บิตคอยน์(BOB)' ให้ความเห็นว่า “อีเธอเรียมยังไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้” พร้อมระบุว่าความนิยมของมีมคอยน์บน ‘โซลานา(SOL)’ และประสิทธิภาพเครือข่ายที่ผันผวนของอีเธอเรียม กำลังทำให้ตลาดการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) มองหาทางเลือกใหม่
ในขณะเดียวกัน การอัปเกรดครั้งถัดไปของอีเธอเรียม ‘เพ็คทรา(Pectra)’ ได้ถูกนำไปทดสอบบนเครือข่ายทดลองสุดท้าย ‘เซโพลเลีย(Sepolia)’ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม อย่างไรก็ตาม มีรายงานปัญหาความผิดพลาดของเครือข่ายและปัญหาการสร้างบล็อก ซึ่งทำให้ต้องมีการแก้ไขซ้ำหลายครั้ง แม้ว่ามาริอุส ฟาน เดอร์ ไวเดน(Marius van der Wijden) นักพัฒนาอีเธอเรียม จะปล่อยแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหา แต่ความผิดพลาดก็ยังคงเกิดขึ้น ส่งผลให้ทีมพัฒนาต้องเร่งรักษาเสถียรภาพของเครือข่ายทดลอง และในขณะนี้สามารถดำเนินการธุรกรรมได้ตามปกติ
ฮาร์ซให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เพ็คทราจะทำให้มีพื้นที่ข้อมูลสำหรับเลเยอร์ 2 เพิ่มขึ้นสองเท่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ แต่ถึงกระนั้น อีเธอเรียมก็กำลังสูญเสียบทบาทผู้นำในหมู่นักพัฒนาอย่างรวดเร็ว และการอัปเกรดครั้งนี้อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ทั้งหมด”
ความคิดเห็น 0