ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตอย่างจริงจัง ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมแรงให้กับแนวโน้มขาขึ้นของบิตคอยน์(BTC)
เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ได้ประกาศว่าหลังการเลือกตั้งสมัยที่สอง รัฐบาลของเขาจะมองอุตสาหกรรมคริปโตเป็นสินทรัพย์เศรษฐกิจหลักของสหรัฐฯ และกำลังวางกลยุทธ์ระดับชาติสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเมื่อเดือนมีนาคม ทำเนียบขาวได้เผยแผนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลระดับประเทศ ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์และคริปโตหลักอื่น ๆ การดำเนินการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบบัญชีทองคำสำรองของรัฐบาลกลางและธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งอาจทำให้สถานะของบิตคอยน์ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ แข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศยกเลิกแนวทางควบคุมที่เป็นปรปักษ์ต่อคริปโต และเตรียมทบทวนนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินคดีกับโครงการคริปโตมากกว่า 100 คดี การเปลี่ยนจุดยืนของรัฐบาลอาจช่วยกระตุ้นการเติบโตของกองทุน ETF บิตคอยน์และการลงทุนจากสถาบัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจผลักดันราคา BTC ไปสู่ระดับหลักล้านดอลลาร์ในระยะยาว
อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา(TSLA) ซึ่งทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับแผนการตรวจสอบทองคำสำรองของสหรัฐฯ และเปรียบเทียบบิตคอยน์กับทองคำ มัสก์กล่าวว่า “บิตคอยน์สามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ผ่านบล็อกเชน ขณะที่ทองคำมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสของปริมาณสำรอง” ย้ำให้เห็นถึงคุณค่าของบิตคอยน์อีกครั้ง
ด้วยกลยุทธ์ของรัฐบาลทรัมป์ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคริปโตให้เป็นศูนย์กลางของระบบการเงินสหรัฐฯ ทำให้เกิดความคาดหวังว่าบิตคอยน์จะเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ต่อไปหลังปี 2025 ลาร์รี ฟิงค์ ซีอีโอของแบล็คร็อก(BlackRock) กล่าวว่าบิตคอยน์อาจพุ่งแตะ 700,000 ดอลลาร์ในระยะยาว และเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลทรัมป์จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0