บิตคอยน์(BTC) ราคาพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบสองสัปดาห์เมื่อวันที่ 20 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก Cointelegraph และ TradingView ระบุว่าบิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 87,500 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับฐานลงมาอยู่ที่ 86,000 ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบัน และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยสองครั้งภายในปีนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างมาก และยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบายในตอนนี้ ตลาดตอบรับแนวโน้มดังกล่าวเชิงบวก โดยดัชนี S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์
อาเธอร์ เฮย์ส ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX วิเคราะห์ว่านี่อาจเป็นสัญญาณว่าเฟดได้หยุดมาตรการคุมเข้มทางการเงิน(QT) และสิ่งที่อาจตามมาคือการผ่อนคลายข้อกำหนดด้านเงินทุนของธนาคาร หรืออาจถึงขั้นกลับมาดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) อีกครั้ง นอกจากนี้เขายังประเมินว่าระดับ 77,000 ดอลลาร์ อาจเป็นจุดต่ำสุดของบิตคอยน์แล้ว แต่ก็เตือนว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเผชิญกับแรงเทขายเพิ่มเติม
อีกด้านหนึ่ง มีการวิเคราะห์ว่าการพุ่งขึ้นของบิตคอยน์อาจไม่ใช่แค่ผลจากแนวโน้มของเฟดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมีข่าวลือว่าประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมประกาศความเคลื่อนไหวที่สำคัญเกี่ยวกับคริปโต นักลงทุนบางรายคาดว่าประกาศดังกล่าวอาจเกิดขึ้นภายในวันที่ 21 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อนโยบายในอนาคต
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อ Rekt Capital กล่าวว่าหากบิตคอยน์ปรับขึ้นอีกเพียง 8% ก็จะสามารถทะลุระดับแนวต้านสำคัญ และกลับมาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้เต็มตัว โดยปัจจุบันราคาบิตคอยน์ได้ฟื้นตัวขึ้นกว่า 13% จากจุดต่ำสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนว่าแผนที่สหรัฐฯ จะประกาศเกี่ยวข้องกับการสะสมบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์หรือมาตรการผ่อนคลายข้อกำหนดอื่นหรือไม่ แต่นักลงทุนในตลาดต่างเริ่มสะท้อนความคาดหวังดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ความผันผวนของราคายิ่งเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น 0