สำนักงานค้ำประกันเงินฝากแห่งสหรัฐอเมริกา (FDIC) เตรียมถอด ‘ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง’ ออกจากเกณฑ์ประเมินการกำกับดูแลธนาคาร ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐ (OCC) ยุติการใช้เกณฑ์ดังกล่าวก่อนหน้านี้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ได้รับการเปิดเผยผ่านจดหมายของทราวิส ฮิล (Travis Hill) รักษาการประธานคณะกรรมการ FDIC ที่ส่งถึงแดน มูเซอร์ (Dan Meuser) สมาชิกสภาคองเกรส โดยฮิลระบุว่า แม้ ‘ชื่อเสียง’ ของธนาคารจะมีความสำคัญ แต่ ‘ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง’ ได้รับการพิจารณาอยู่แล้วในกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านเครดิตและด้านตลาด ทำให้ FDIC มีแผนจะลบรายการนี้ออกจากเอกสารนโยบายและข้อบังคับที่มีอยู่
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ให้นิยามความเสี่ยงด้านชื่อเสียงว่าเป็น ‘โอกาสที่ความคิดเห็นด้านลบเกี่ยวกับแนวปฏิบัติทางธุรกิจของสถาบันการเงินจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า ก่อให้เกิดการถอนเงินเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสูงขึ้น และกระทบต่อรายได้’ ซึ่งที่ผ่านมาความเสี่ยงนี้ถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการควบคุมการเข้าถึงเงินทุนของบางอุตสาหกรรม
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในจดหมายของ FDIC มีการกล่าวถึง ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ โดยตรง ฮิลยอมรับว่า FDIC เคยดำเนินการอย่างระมัดระวังต่อบริการทางการเงินที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (DLT) อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำลังปรับแนวทางใหม่เพื่อให้ธนาคารสามารถร่วมมือกับภาคสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนที่ต้องการปรับปรุงกฎระเบียบและแก้ไขปัญหา ‘การถูกตัดออกจากระบบธนาคาร’ (debanking)
อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลเคยเผชิญแรงกดดันจากนโยบาย ‘Operation Chokepoint 2.0’ ซึ่งส่งผลให้มากกว่า 30 บริษัทในภาคคริปโตและฟินเทคถูกกีดกันจากบริการทางการเงิน นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2023 ธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตหลายแห่งต้องปิดตัวลงติดต่อกัน
มาตรการล่าสุดของ FDIC อาจช่วยให้บริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและฟินเทคมีโอกาสขยายความร่วมมือกับธนาคารได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามว่าการถอด ‘ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง’ ออกจากเกณฑ์พิจารณานี้จะส่งผลต่อท่าทีของสถาบันการเงินในทางปฏิบัติหรือไม่
ความคิดเห็น 0