เหรียญ ‘GHIBLI’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของสตูดิโอจิบลิ กำลังเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วในตลาดคริปโต โดยในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น มันได้ถูกนำไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดกลางชื่อดังอย่าง Gate.io, BingX และ AscendEX พร้อมกับราคาตลาดรวมพุ่งทะยานแตะประมาณ 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 402.5 พันล้านวอน) นับตั้งแต่เปิดตัว
กระแสความนิยมของ GHIBLI ได้รับแรงหนุนจาก *ศิลปะ AI สไตล์จิบลิ* ซึ่งสร้างโดยโมเดลล่าสุดของ OpenAI อย่าง ChatGPT-4o โดยเฉพาะในโลกโซเชียลที่เต็มไปด้วยภาพวาดแบบอนิเมะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมุมน่ารักและจินตนาการอันล้ำลึกของจิบลิ ทำให้ GHIBLI ถูกพูดถึงในวงกว้าง ความเคลื่อนไหวของคนดัง เช่น อีลอน มัสก์(Elon Musk) และไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ที่ต่างก็โพสต์ภาพหรือคอมเมนต์เกี่ยวกับกระแสนี้ ยิ่งตอกย้ำความนิยมที่ลามไปสู่ตลาดโดยรวม ส่งผลให้ราคาของ GHIBLI พุ่งขึ้นถึง *44.4%* ภายในวันเดียว
ไม่ใช่แค่ GHIBLI เท่านั้นที่ได้อานิสงส์จากกระแสนี้ โทเคนแนวเดียวกันชื่อ ‘GhibliCZ’ ก็ปรากฏขึ้นในตลาดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก็มี ‘ความคิดเห็น’ วิจารณ์ตามมาว่า AI อาจกำลังลอกเลียนงานของศิลปินระดับตำนานอย่างฮายาโอะ มิยาซากิในเชิงไม่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังไม่มีแถลงการณ์ใดจากสตูดิโอจิบลิเองในประเด็นดังกล่าว ทำให้ข้อถกเถียงนี้ยังคงไม่มีข้อสรุป
ภายหลังการจดทะเบียน GHIBLI ก็มีการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Gate.io เปิดเผยว่าได้วาง GHIBLI ไว้ในโซนสำหรับโครงการเริ่มต้นที่มีศักยภาพ และ BingX ยังออกคำเตือนเกี่ยวกับความผันผวนของราคา ก่อนจะตัดสินใจเปิดซื้อขายในโซนพิเศษเช่นกัน จุดที่น่าจับตาคือแพลตฟอร์มอย่าง OXFUN ที่อนุญาตให้มีการใช้เลเวอเรจ ได้บันทึกปริมาณการซื้อขาย GHIBLI สูงกว่าอีเธอเรียม(ETH) ในบางช่วง ขณะที่กระดานซื้อขายอื่น เช่น HTX และ CoinEx ก็ได้ทำการเปิดตัวเหรียญนี้เช่นกัน ทำให้ *สภาพคล่องของตลาด* เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในแง่กลยุทธ์การตลาด ผู้มีชื่อเสียงก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน อีลอน มัสก์ โพสต์ภาพตนเองในสไตล์จิบลิพร้อมมาสคอตโดจ์คอยน์(DOGE) พร้อมคำว่า “ธีมของวัน” ขณะที่ไมเคิล เซย์เลอร์ก็ใช้ภาพแนวเดียวกันในการแสดงจุดยืนสนับสนุนบิตคอยน์(BTC) แม้ทั้งคู่จะไม่ได้พูดถึง GHIBLI โดยตรง แต่ก็ช่วยขยับ ‘เลเวอเรจการมองเห็น’ ของเหรียญไปยังกลุ่มผู้ติดตามอย่างมหาศาล
ภายในกลุ่มเทรดเดอร์ โทเคน GHIBLI ถูกมองว่าเป็นโอกาสการลงทุนแนวใหม่ รายงานจากนักลงทุนคนหนึ่งเผยว่าเขาได้ลงทุนทั้งหมดเมื่อมูลค่ารวมยังอยู่ที่ราว 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเปรียบเทียบกับประสบการณ์ความสำเร็จก่อนหน้านี้จากโปรเจกต์ ‘Chillguy’ โดยเขาหวังว่า GHIBLI จะไม่ใช่เพียงแค่กระแสระยะสั้น
ทว่า ‘ความคิดเห็น’ หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับ *ความยั่งยืน* ของ GHIBLI ในระยะยาว เนื่องจากเหรียญประเภทมีมโทเคนมีแนวโน้มอิงกับกระแสโซเชียลและความรู้สึกของนักลงทุนเป็นหลัก ซึ่งหากความนิยมลดลง ก็อาจเกิดการ *ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว* ราคาที่กำลังพุ่งขึ้นในขณะนี้จึงอาจเป็นสัญญาณของ ‘ฟองสบู่’ หรือ ‘โอกาสใหม่’ ก็ได้ แต่สิ่งนี้ยังต้องพิสูจน์ด้วยเวลา
GHIBLI กำลังถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ แห่งยุค AI อาร์ต และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและจินตนาการ ทว่าช่วงเวลาที่มันจะสามารถครองใจตลาดได้จะยาวนานเพียงใดนั้น ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจนในตอนนี้
ความคิดเห็น 0