การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยาวนานกว่า 4 ปีระหว่างริปเปิล(Ripple) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ได้ยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า ‘ราคาของริปเปิล(XRP)’ ร่วงลงอย่างรุนแรงแทนที่จะพุ่งสูงตามความคาดหวังของตลาด ส่งผลให้เกิดภาพสะท้อนของพฤติกรรมแบบ “ขายเมื่อข่าวออก (sell-the-news)” อย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) แบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของริปเปิล ประกาศว่า SEC ได้ถอนคำอุทธรณ์ นำไปสู่การยุติคดีความที่ยืดเยื้อมานาน ภายใต้ข้อตกลงนี้ ริปเปิลได้รับการยืนยันว่าจะชำระค่าปรับเพียง ‘50 ล้านดอลลาร์’ หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท แทนที่จะต้องจ่ายถึง 1,250 ล้านดอลลาร์ตามที่เคยถูกเรียกร้อง ขณะที่เจ้าหน้าที่กฎหมายระดับสูงของริปเปิลก็ประกาศยืนยันการไม่อุทธรณ์ของบริษัทเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ‘ราคาของ XRP’ ไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อข่าวดีนี้ โดยทันทีหลังจากการประกาศ XRP พุ่งขึ้นจาก 2.3 ดอลลาร์เป็น 2.6 ดอลลาร์ ก่อนจะตกกลับลงมาอยู่ที่ราว 2.05 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา คิดเป็นการลดลงราว 20% จากจุดสูงสุด ส่งผลให้ XRP ชวดการทวงคืนตำแหน่งอันดับ 3 ของตลาดตามมูลค่าการถือครอง และห่างจากเทเธอร์(USDT) มากถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 36.5 ล้านล้านบาท
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหาก XRP หลุดระดับแนวรับที่ 2 ดอลลาร์ ราคาอาจร่วงลงต่อไปถึง 1.2 ดอลลาร์ ความเห็นหนึ่งระบุว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นแม้ริปเปิลจะถือว่า ‘ชนะ’ ในเรื่องกฎหมาย เพราะตลาดได้สะท้อนข่าวดีเหล่านี้ล่วงหน้าไว้หมดแล้ว เป็นพฤติกรรมปกติของตลาดคริปโตที่นิยม “ซื้อเมื่อมีข่าวลือ ขายเมื่อมีข่าวจริง”
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าความหวังในการฟื้นตัวของ XRP จะหมดสิ้นไปเสียทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ในการเปิดตัว ETF สหรัฐ หรือ ‘การนำริปเปิลเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO)’ ยังถือเป็นปัจจัยบวกในระยะกลางถึงยาว แต่ก็มีมุมมองที่ชี้ว่าตลาดอาจซึมข่าวเหล่านี้ไปบางส่วนแล้ว จึงทำให้ราคามีโอกาสเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะใกล้นี้
แม้จะได้รับชัยชนะเชิงจริยธรรมในการต่อสู้กับหน่วยงานกำกับดูแลได้สำเร็จ แต่ตลาดก็ยังคง ‘เย็นชา’ ต่อริปเปิล ในมุมมองของนักวิเคราะห์ XRP จำเป็นต้องมี ‘แรงขับเคลื่อนทางธุรกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น’ เพื่อจุดประกายความหวังในรอบใหม่ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายรัฐและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค
ความคิดเห็น 0