เจมสัน ล็อป(Jameson Lopp) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC) และนักเคลื่อนไหวสายไซเฟอร์พังก์ ได้ออกมาเตือนถึง ‘การโจมตีปลอมแปลงที่อยู่’ (address poisoning attack) ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้ลวงให้ผู้ใช้ส่งเหรียญบิตคอยน์ไปยังที่อยู่ที่ไม่ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว โดยแฮกเกอร์จะสร้างที่อยู่ปลอมที่มีตัวอักษรหรือตัวเลขคล้ายกับที่อยู่ของผู้เสียหาย จากนั้นส่งบิตคอยน์จำนวนน้อยมาก เช่น น้อยกว่า 1 ดอลลาร์ ไปยังที่อยู่กระเป๋าของผู้ใช้ เพื่อให้การทำธุรกรรมนี้แสดงอยู่ในประวัติแล้วนำไปสู่การใช้งานซ้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ล็อปเน้นว่าเป็นการโจมตีที่อาศัยเทคนิค ‘วิศวกรรมสังคม’ และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซของกระเป๋าเงินให้สามารถแสดงและตรวจสอบ ‘ที่อยู่วอลเลต’ แบบเต็มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
รูปแบบของการโจมตีนี้คือการสุ่มสร้างที่อยู่หลายล้านรายการ เพื่อให้มีบางรายการที่ขึ้นต้นและลงท้ายด้วยตัวอักษรหรือหมายเลขเดียวกับของจริง เมื่อเหยื่อเผลอคัดลอกที่อยู่จากประวัติการทำธุรกรรมโดยไม่ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน เงินคริปโตจะถูกโอนเข้าสู่กระเป๋าของผู้ไม่หวังดี ความเสี่ยงนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อซอฟต์แวร์กระเป๋าเงินส่วนใหญ่นิยมแสดงที่อยู่ใน ‘รูปแบบย่อ’
ในอีกด้านของแวดวงคริปโต ผู้ถือหนี้ของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตล้มละลาย FTX ประมาณ 392,000 ราย กำลังเสี่ยงจะพลาดเงินชดเชยมูลค่ารวมราว 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท) เหตุเพราะยังไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน (KYC) ตามที่กำหนดไว้ ข้อมูลจากศาลล้มละลายรัฐเดลาแวร์ของสหรัฐฯ ระบุว่า เดิมทีผู้ถือหนี้มีกำหนดต้องเริ่มการทำ KYC ภายในวันที่ 3 มีนาคม 2025 มิฉะนั้นอาจสูญเสียสิทธิในการรับเงินคืนอย่างถาวร
อย่างไรก็ตาม ศาลได้ขยายเวลาให้ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2025 โดยระบุชัดว่าเฉพาะผู้ที่ดำเนินการภายในกำหนดเท่านั้นที่จะคงสิทธิเรียกร้องเงินคืนไว้ได้ หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอน ระบบจะลบสิทธิ์ของพวกเขาในทันที ปัจจุบัน FTX ยังมีผู้ถือหนี้อยู่ทั่วโลกหลายแสนราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการรวบรวมและยืนยันข้อมูลบัญชี
ในอีกความเคลื่อนไหวสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดคริปโตและการค้าโลก บิล แอ็คแมน(Bill Ackman) นักลงทุนมหาเศรษฐีที่มีจุดยืนสนับสนุนตลาดคริปโต ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 5 เมษายน ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่มาตรการกำหนด ‘ภาษีนำเข้า’ ฉบับใหม่ของทรัมป์อาจถูกเลื่อนออกไป โดยเขาโพสต์ผ่าน X (อดีตทวิตเตอร์) ว่า "สายตรงจากผู้นำทางการค้ากำลังเข้าหาทรัมป์ทั้งวันเพื่อเจรจา และเชื่อว่าเขาอาจยืดเวลาบังคับใช้นโยบายนี้เพื่อเปิดช่องการเจรจาต่อรอง"
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งพิเศษกำหนด ‘ภาษีนำเข้า 10%’ สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน และจะมี ‘ภาษีตอบโต้’ เพิ่มขึ้นอีกสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า เริ่มต้น 9 เมษายน ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายดังกล่าวอาจส่งแรงสั่นสะเทือนต่อสกุลเงินดิจิทัลและสมดุลการค้าโลกในวงกว้าง
*ความคิดเห็น: ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนในการกำกับดูแลภาคคริปโต อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดในระยะสั้นถึงกลาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐบาลอาจเปลี่ยนผ่านนโยบายหรือแนวทางการควบคุม*
ความคิดเห็น 0