แลร์รี ฟิงก์(Larry Fink) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็คร็อก(BlackRock) เตือนถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐอาจปรับตัวลดลงอีก พร้อมชี้ว่าแม้การปรับฐานในรอบนี้จะรุนแรง แต่ในมุมมองระยะยาว นี่อาจเป็น *โอกาสลงทุน* ที่สำคัญก็ได้
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในเวทีเศรษฐกิจที่นครนิวยอร์ก ฟิงก์ระบุว่า *“ตลาดหุ้นยังอาจร่วงลงได้อีก 20%* แต่สิ่งนี้อาจเป็นจังหวะสำหรับผู้ที่มองหาโอกาสในระยะยาว”
เขาย้ำอย่างหนักแน่นว่า ความหวังของตลาดที่คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) จะลดดอกเบี้ยหลักถึง 4 ครั้งภายในปีนี้นั้น “*เป็นไปไม่ได้*” พร้อมระบุว่า *โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีนี้แทบเป็นศูนย์* เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงกดดันอยู่ในระดับสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้โดยทั่วไป
ฟิงก์ชี้ให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อที่ไม่ลดลงอย่างที่คาด บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ ‘แรงกดดันด้านราคาจะคงอยู่เป็นเวลานาน’ และจากการพูดคุยกับซีอีโอบริษัทชั้นนำของสหรัฐหลายแห่ง พวกเขาเห็นพ้องกันว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัวแล้ว
ฟิงก์ยกคำเปรียบเปรยจากหนึ่งในผู้บริหารสายการบินซึ่งกล่าวว่า *“นกขมิ้นในเหมืองถ่านหินล้มป่วยแล้ว”* เพื่อสะท้อนสถานการณ์ที่อันตรายเข้าใกล้ในเชิงเปรียบเปรยถึง *สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า* ในระบบเศรษฐกิจ
ในอีกด้าน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารอบใหม่ ซึ่งส่งผลให้ทั้งตลาดสินทรัพย์ดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัลเกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรง โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลงราว 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคริปโตก็แสดงอาการ *เหวี่ยงตัวสูง* โดยเฉพาะบิตคอยน์(BTC) ที่ขึ้นลงรุนแรงในช่วงเวลาสั้น
ฟิงก์ให้ความเห็นว่า *นโยบายขึ้นภาษีดังกล่าวอาจผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น* ซึ่งจะทำให้แนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed ยิ่งเป็นไปได้ยาก ส่วนทางฝั่งเอเชีย แรงกดดันจากภาษีตอบโต้ของจีนทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทรุดตัวลง โดยดัชนีนิกเกอิ225 ร่วงหนักถึง 7.8% ภายในวันเดียว ถือเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงที่สุดอันดับสามในประวัติศาสตร์ รองจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์และ ‘แบล็กมันเดย์’
แม้ภาพรวมยังไม่เข้าข่ายวิกฤตระบบการเงินหรือ ‘*Systemic Risk*’ ฟิงก์ยังคงเตือนว่า *ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจะกดดันยุทธศาสตร์จัดสรรพอร์ตลงทุน* และส่งผลระยะยาวต่อการบริหารสินทรัพย์ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้วในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น ฟิงก์เคยกล่าวถึงศักยภาพของบิตคอยน์(BTC) ว่าอาจเป็น *ภัยคุกคามต่อการครองอำนาจของดอลลาร์สหรัฐ* เขาเตือนว่า หากชาวอเมริกันเริ่มมองว่าบิตคอยน์ปลอดภัยกว่าดอลลาร์ ย่อมเกิดแรงสั่นคลอนต่อสถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะเงินสำรองของโลก
*ความคิดเห็น:* ท่าทีของฟิงก์สะท้อนว่าแบล็คร็อกไม่ได้มองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเพียงโอกาสในการเก็งกำไร แต่กำลังตระหนักถึงพลวัตการเปลี่ยนแปลงด้านอำนาจในระบบการเงินโลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและอัตราดอกเบี้ยที่ยืดยาว รวมถึงความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ ตลาดทั้งสองฝั่ง ทั้งตลาดการเงินดั้งเดิมและคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วง *ความผันผวนสูง* นักลงทุนนับจากนี้จะจับตาท่าทีจากธนาคารกลางและข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวโน้มในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0