Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อดัม แบ็กชี้ บิตคอยน์(BTC) อาจแทนที่ทองคำ(Gold) เป็นสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อใน 10 ปีข้างหน้า

บิตคอยน์(BTC) อาจกลายเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์แทนที่ทองคำ(Gold)ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ตามการวิเคราะห์ล่าสุดของ อดัม แบ็ก(Adam Back) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบล็อกสตรีม(Blockstream) ในงานสัมมนา Paris Blockchain Week 2025 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แบ็กมองว่า สถานการณ์เงินเฟ้อที่รุนแรงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ ‘บิตคอยน์’ กลายเป็นการลงทุนที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

แบ็กกล่าวว่า บิตคอยน์มีคุณสมบัติที่ ‘คล้ายกับทองคำ’ เพราะมีลักษณะเป็นสินทรัพย์หายาก แต่ในเวลาเดียวกันก็มี ‘ศักยภาพในการเติบโต’ ที่ทองคำไม่สามารถให้ได้ พร้อมชี้ว่าในระยะยาว บิตคอยน์อาจเข้ามาแทนที่บทบาทบางส่วนของทองคำในฐานะที่เก็บรักษามูลค่า แม้ราคาบิตคอยน์จะปรับลดลงประมาณ 30% จากจุดสูงสุดที่ 109,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1,592,000 บาท) แต่การยอมรับในฐานะทรัพย์สินทางการเงินสำรองยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เขายังชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ‘อุปทานเงินทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 50%’ ซึ่งกำลังนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาในสินทรัพย์จริงต่าง ๆ พร้อมเสริมว่า “หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ประมาณ 10-15% ต่อปีในอนาคต รายได้จากหุ้นหรือค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์อาจตามไม่ทันผลตอบแทนที่ต้องการ ขณะที่บิตคอยน์สามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างนั้น”

แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ สาขาคลีฟแลนด์ จะประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยใน 10 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 2.18% แต่ข้อมูลฝั่งตรงข้ามก็แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้น โดยการสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยว่า ประชาชนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะอยู่ที่ 5% และอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 4.1% ซึ่งสะท้อนถึง ‘ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ’ ที่เริ่มกระจายตัว

นอกจากนี้ การเปิดให้ซื้อขายบิตคอยน์แบบกองทุน ETF และ ‘การกลับมาบริหารประเทศของทรัมป์’ ก็ถูกมองว่าเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันการใช้งานบิตคอยน์มากยิ่งขึ้น แบ็กกล่าวว่า “หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้อนุมัติ ETF แล้ว และรัฐบาลทรัมป์ก็กำลังยกเลิกกฎระเบียบที่เคยขัดขวางคริปโต โดยเฉพาะนโยบายโอเปอร์เรชัน โชคพอยต์ 2.0(Operation Chokepoint 2.0)”

เขายังย้ำด้วยว่า การที่ ‘นักลงทุนภาคเอกชนถือบิตคอยน์ก่อนรัฐบาล’ เป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต “หากรัฐบาลใดเริ่มซื้อบิตคอยน์ ก็จะเกิดความเร่งรีบจากรัฐบาลประเทศอื่น และอาจกระทบเสถียรภาพของตลาด”

ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์’ พร้อมแผนให้ภาครัฐจัดสรรบิตคอยน์ที่อยู่ภายใต้การยึดทรัพย์มาใช้ประโยชน์ นักวิเคราะห์ในวงการคริปโตมองว่า นี่คือ ‘ก้าวสำคัญ’ ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินดั้งเดิมอย่างเป็นรูปธรรม

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1