อีเธอเรียม(ETH) กำลังได้รับความสนใจของตลาดอย่างมาก หลังจากราคาปัจจุบันลดลงต่ำกว่าราคาใช้งานเฉลี่ย หรือ *realized price* ซึ่งเป็นราคากลางของเหรียญทั้งหมดในระบบที่เคยมีการเคลื่อนย้ายครั้งล่าสุด โดยราคานี้ถือเป็นตัวชี้วัด *จิตวิทยาของนักลงทุน* ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ณ ขณะนี้ ETH ร่วงลงไปที่ระดับประมาณ 1,570 ดอลลาร์ ลดลงถึง 16.7% ภายในสัปดาห์เดียว และหากเทียบกับปีที่ผ่านมา ราคาลดลงสะสมถึง 56.6%
จากข้อมูลของคริปโตควอนต์(CryptoQuant) นักวิเคราะห์นิรนามภายใต้นามแฝง theKriptolik ระบุว่า ราคาตลาดที่ต่ำกว่าราคาใช้งานเฉลี่ยบ่งชี้ว่า *ผู้ถือครองส่วนใหญ่กำลังขาดทุน* ซึ่งสถานการณ์นี้อาจกระตุ้นแรงขายเพิ่มขึ้น และนำไปสู่ *การขายแบบตื่นตระหนก* (panic selling) โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ในด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ยิ่งเร่งให้เกิดความผันผวนทั้งในตลาดทุนแบบดั้งเดิมและตลาดคริปโต
แรงกดดันดังกล่าวส่งผลให้ราคาของ ETH หล่นลงถึงระดับต่ำสุดที่ 1,431 ดอลลาร์ในช่วงสั้น ๆ แม้ภาพรวมในปัจจุบันจะดูไม่สดใส แต่ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า *เมื่อ ETH ลดลงต่ำกว่าราคาใช้งานเฉลี่ย มักจะเกิดการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง* ภายหลัง theKriptolik ให้ความเห็นว่า นักลงทุนจำนวนมากมองช่วงราคานี้เป็น *ช่วงสะสม* โดยมีโอกาสเกิดแรงซื้อใหม่เพื่อรอการฟื้นตัวในอนาคต
ดังนั้น แม้จะมีการรีบาวน์ขึ้นประมาณ 5% ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด แต่ ETH ยังมีแนวโน้มที่เป็นลบ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดภาพรวม ในรอบสัปดาห์ ETH ร่วงลงไปราว 17% ในขณะที่ทั้งตลาดลดลงเพียง 8.8% เท่านั้น นอกจากนี้ ดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ ยังร่วงลงแตะระดับ 24 ซึ่งสะท้อนภาวะ ‘ความกลัว’ และกดดันจิตวิทยาตลาดโดยรวมอย่างเห็นได้ชัด
อีกปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือข่าวการเลื่อนอัปเกรดระบบของเครือข่ายอีเธอเรียมที่เรียกว่า ‘เปกทรา(Pectra)’ ออกไปเป็นวันที่ 7 พฤษภาคม เดิมทีแม้การเลื่อนอัปเกรดจะไม่ใช่เรื่องแปลกในวงการนี้ แต่ในภาวะตลาดหมีที่อ่อนไหว ก็อาจเพียงพอที่จะสั่นคลอนความไว้วางใจของผู้ถือครองเหรียญได้เช่นกัน
ความคิดเห็น 0