การลดลงของความน่าดึงดูดในการลงทุนในอีเธอเรียม(ETH)กำลังกลายเป็นประเด็นถกเถียง โดยมีการชี้ว่า ‘พฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์’ ของโซลูชันขยายเครือข่ายเลเยอร์ 2(L2) เป็นต้นเหตุหนึ่งของสถานการณ์นี้ นิค คาร์เตอร์(Nic Carter) หุ้นส่วนของบริษัทเงินร่วมลงทุนด้านคริปโต เคสเซิล ไอส์แลนด์ เวนเจอร์ส(Castle Island Ventures) กล่าววิจารณ์ว่า “เครือข่าย L2 ที่โลภได้ดูดกลืนมูลค่าของเครือข่ายหลัก L1 ของอีเธอเรียม ส่งผลให้ ETH ตกอยู่ในภาวะเสื่อมถอยด้วยตัวเอง”
คาร์เตอร์ยังชี้ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ชุมชนไม่ควบคุมการออกโทเคนอย่างเกินขนาด ขณะที่ L2 ก็ได้รับประโยชน์ด้านประโยชน์ใช้สอยจากอีเธอเรียมโดยไม่ตอบแทนเครือข่ายหลัก เขาระบุว่า ETH กำลังล่มสลายลงภายใต้ ‘กองโทเคน’ ที่ตนเองสร้างขึ้น คำกล่าวนี้สอดคล้องกับมุมมองของควินน์ ทอมป์สัน(Quinn Thompson) ผู้ก่อตั้ง เลคเกอร์ แคปิตอล(Lekker Capital) ซึ่งแสดงความเห็นเมื่อวันที่ 28 ว่า “ETH ไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อการลงทุนอีกต่อไป ถึงแม้จะยังมีบทบาทในแง่ของเครือข่ายยูทิลิตี้ แต่ในมุมของนักลงทุนแล้วได้ตายไปแล้ว”
สถิติล่าสุดยิ่งตอกย้ำสถานการณ์นี้ อัตราส่วน ETH/BTC ลดลงมาอยู่ที่ 0.02260 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยราคาปัจจุบันของ ETH อยู่ที่ประมาณ $1,894 (ราว 2.76 ล้านบาท) ลดลง 5.3% ภายในสัปดาห์เดียว และลดลงถึง 17.9% ตลอดช่วง 30 วันที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน รายได้จากค่าธรรมเนียมของอีเธอเรียมก็ร่วงลงอย่างรุนแรง ตามรายงานของ Cointelegraph เมื่อเดือนกันยายน 2024 ระบุว่า รายได้ค่าธรรมเนียมของเครือข่ายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาลดลงถึง 99% โดย L2 ชิงส่วนแบ่งผู้ใช้และรายได้ไปแทบทั้งหมด โดยไม่คืนมูลค่าทางเศรษฐกิจกลับสู่ L1
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีแนวทางเชิงโครงสร้างที่อาจพลิกฟื้นสถานการณ์ได้ อดัม ค็อกแรน(Adam Cochran) หุ้นส่วนของบริษัทลงทุน Cinneamhain Ventures แสดงความเห็นว่า ‘Based Rollups’ อาจเป็นทางออกเชิงโครงสร้างที่ช่วยส่งคืนสภาพคล่องและรายได้สู่เครือข่ายหลัก L1 พร้อมเสนอว่าควรมีการออกแบบโครงสร้างแรงจูงใจใหม่ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงโมเดลรายได้ของอีเธอเรียมโดยพื้นฐาน
ในอีกมุมหนึ่ง กลุ่มนักเทรดบางรายยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของ ETH บุคคลในวงการอย่าง ด็อกเตอร์ โปรฟิต(Doctor Profit) และ เมอร์เลน เดอะ เทรดเดอร์(Merlijn The Trader) ยังคงเรียก ETH ว่าเป็นหนึ่งใน ‘โอกาสการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดในตลาด’ และแนะนำว่า ‘ตอนนี้เป็นช่วงเหมาะสำหรับการซื้อ’
ปีที่แล้ว ราคา ETH เคยทะลุระดับ $4,000 (ราว 5.84 ล้านบาท) และมีการคาดการณ์ว่าจะพุ่งถึง $10,000 แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(Standard Chartered) ได้ลดประมาณการราคาของ ETH ในช่วงปลายปี 2025 ลงจาก $10,000 มาอยู่ที่ $4,000 ลดลงถึง 60% สะท้อนบรรยากาศในตลาดที่เอนเอียงไปทางลบ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับ *คุณค่าการลงทุน* ของอีเธอเรียมในเวลานี้จึงมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดย *บทบาทของเลเยอร์ 2 และโครงสร้างแรงจูงใจ* จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนด *อนาคตของ ETH* ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0