อีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาที่รุนแรงหลังจากราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ราคา ETH ลดลงมากกว่า 50% ทำให้นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าเหรียญนี้อาจร่วงลงไปที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ETH เคยมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะ 5,000 ดอลลาร์ และเกิดกระแสการพูดถึง ‘Flippening’ หรือการที่มูลค่าตลาดของ ETH จะแซงหน้าบิตคอยน์(BTC) ทว่า ราคากลับเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง หลังจากตลาดขาลงในปี 2022 ETH เคยร่วงต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในปีที่แล้วเหรียญนี้ยังคงติดอยู่ที่แนวต้าน 4,000 ดอลลาร์ และต้องเผชิญกับการปรับฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลางปีนี้ ราคาปรับตัวลงอย่างหนักจนต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2023
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง อาลี มาร์ติเนซ ระบุในรายงานล่าสุดว่า “ETH หลุดจากรูปแบบราคาที่เคยรักษามานานหลายปี ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาลดลงไปถึง 1,250 ดอลลาร์” ถือเป็นระดับราคาต่ำสุดในรอบสองปี
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ กลับเห็นโอกาสซื้อสะสม ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา พวกเขาได้เข้าซื้อ ETH เพิ่มอีก 1.1 ล้านเหรียญ คิดเป็นประมาณ 1% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.92 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ ในอีก 5 วันถัดมา กลุ่มนี้ยังซื้อ ETH เพิ่มอีก 420,000 เหรียญ หรือประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.16 แสนล้านบาท) แม้ว่าการสะสมเหรียญของวาฬอาจช่วยลดแรงเทขายบางส่วนลง แต่กลับยังไม่สามารถช่วยผลักดันราคาฟื้นตัวได้ในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ตลาดเชื่อว่าทิศทางของ ETH มีแนวโน้มจะถูกกำหนดโดยปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชี้นำทิศทางของตลาดคริปโตในช่วงต่อไป
ความคิดเห็น 0