ภาษีนำเข้าทรัมป์สะเทือนตลาด! เงินไหลออก ETF บิตคอยน์(BTC) วันเดียวกว่า 252 ล้านดอลลาร์

นโยบายประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของ *ทรัมป์* ส่งแรงสะเทือนต่อ *บิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยความเคลื่อนไหวใน *ETF บิตคอยน์แบบสปอต* ที่ระดมทุนจากตลาดหุ้นสหรัฐได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของคริปโตกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมอย่างเด่นชัดอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) ข้อมูลจากบริษัท ฟาร์ไซด์ อินเวสเตอร์ส์ ระบุว่า ETF บิตคอยน์แบบสปอตในสหรัฐเผชิญกับการไหลออกของเงินทุนสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีมูลค่ารวมสูงถึง 326 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,760 ล้านบาท) โดยเฉพาะ ETF แบรนด์ไอเชอรส์ของแบล็คร็อก(BlackRock) ที่ใช้ชื่อว่า IBIT พบว่ามีเม็ดเงินไหลออกถึง 252 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์

สาเหตุหลักมาจากประกาศของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* เมื่อวันที่ 2 เมษายน เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในหลากหลายหมวด ส่งผลให้ตลาดการเงินดั้งเดิมปั่นป่วน โดยดัชนี S&P500 สูญเสียมูลค่าตลาดถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงสองวัน นักลงทุนพากันหลีกหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ ซึ่งราคาเมื่อวันที่ 7 ยังคงยืนเหนือ 82,000 ดอลลาร์ ก่อนจะรูดลงต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ในช่วงค่ำของวันที่ 6

เรนนิกซ์ ไล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าระดับโลกของ OKX ให้ความเห็นว่า "แม้ราคาบิตคอยน์จะร่วงกว่า 26% ตั้งแต่เดือนมกราคม แต่เมื่อเทียบกับการร่วงลง 11% ของแนสแด็กในช่วงสองวันหลังการประกาศภาษี บิตคอยน์ลดลงเพียง 6% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงพลวัตใหม่ระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและคริปโต" ทั้งนี้ เขาเสริมว่า *บิตคอยน์ยังคงผูกโยงกับสภาพคล่องโลกอย่างมีนัยสำคัญ* และ "ทองคำยังคงเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่น่าเชื่อถือที่สุด"

การร่วงลงอย่างรวดเร็วของบิตคอยน์ในช่วงสุดสัปดาห์ ยังอาจเกี่ยวข้องกับ *โครงสร้างการซื้อขายแบบ 24 ชั่วโมง* ของคริปโต ซึ่งเปิดโอกาสให้ตลาดตอบสนองต่อความผันผวนตลอดเวลา นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งนี้ทำให้บิตคอยน์กลายเป็นเป้าหมายในการปล่อยความเสี่ยงระยะสั้นในช่วงตลาดปิดทำการ

อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเมกซ์(BitMEX) และประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของมาเอลสตรอม กล่าวว่าราคาบิตคอยน์สัมพันธ์กับ *การคาดการณ์นโยบายสภาพคล่องของรัฐบาลสหรัฐ* โดยเฉพาะการเปลี่ยนทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ไปสู่การอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้น เขาคาดว่าหากมีการกลับไปใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้ง ราคา *บิตคอยน์อาจแตะระดับ 250,000 ดอลลาร์ภายในปี 2025*

ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการปรับฐานราคาเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นว่า *สินทรัพย์คริปโต อย่างบิตคอยน์ กำลังถูกมองในฐานะเครื่องมือวางกลยุทธ์การลงทุน* ที่ตอบสนองต่อตลาดที่ผันผวนได้อย่างมีนัยสำคัญ ไล ระบุว่า "สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ราคาที่ลดลง แต่คือการที่ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับบิตคอยน์มากขึ้น ในฐานะเครื่องมือรับมือกับตลาดดั้งเดิมที่กำลังเต็มไปด้วยความไม่มั่นคง"