ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ตลาดการเงินทั่วโลกเข้าสู่ภาวะปั่นป่วน หลังจาก *ทรัมป์* ประกาศใช้นโยบายกำแพงภาษีเชิงรุก ส่งผลให้ *ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี* ร่วงหนักตามไปด้วย สถานการณ์ตึงเครียดในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ถูกมองว่าเป็นการขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ยังถูกประเมินว่าใกล้เคียงกับ ‘สงครามเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ’ นักลงทุนต่างเร่งเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หันไปถือครองพันธบัตรรัฐบาลแทน ส่งผลให้ตลาดคริปโตร่วงลงเกือบ 4.3% ภายในวันเดียว
ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ไม่รอดจากความผันผวนในครั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐลดลง 1.57% ขณะที่ยูโรสต็อก 50 ในยูโรโซนร่วง 3.16% ดัชนีนิเคอิของญี่ปุ่นปิดลบ 3.93% ส่วนดัชนี NIFTY 50 ของอินเดียและ ASX200 ของออสเตรเลียลดลง 0.59% และ 1.80% ตามลำดับ ภาวะความกังวลของนักลงทุนยังผลักดันให้ *อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ*พุ่งขึ้น โดยพันธบัตรอายุ 30 ปีขยับจาก 4.581% เมื่อต้นเดือน มาอยู่ที่ 4.806% ณ วันที่ 9 เมษายน และเคยแตะระดับมากกว่า 5% เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
แนวโน้มระยะสั้นมีการชะลอตัวเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี อยู่ที่ 4.805% อายุ 20 ปี อยู่ที่ 4.845% และอายุ 10 ปี อยู่ที่ 4.335% อย่างไรก็ตาม ยังจัดว่าอยู่ในระดับสูง ขณะที่พันธบัตร 5 ปีกลับปรับขึ้นต่อเป็น 3.975% สะท้อนความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ที่มองว่า ตลาดเริ่มสะท้อนโครงสร้างความต่างระยะยาวระยะสั้นของอัตราดอกเบี้ยแทนที่จะเป็นเพียงการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน
ในฝั่ง *ตลาดคริปโต* ก็ร่วงตามปรากฏการณ์ Risk-off ที่ชัดเจน มูลค่าตลาดรวมภายใน 24 ชั่วโมงลดลงราว 4.3% โดย *บิตคอยน์(BTC)* ร่วง 2.2% *อีเธอเรียม(ETH)* ลดลงหนักถึง 5.6% ส่วน *ริปเปิล(XRP)* -2.5%, *โซลานา(SOL)* -0.9%, *โทรน(TRX)* -2.3% และ *โดจคอยน์(DOGE)* -3.6% สะท้อนการเทขายคริปโตอย่างกว้างขวาง
สำหรับบิตคอยน์ ซึ่งเปิดต้นเดือนที่ระดับ 82,556 ดอลลาร์ ปรับขึ้นสั้น ๆ ไปแตะ 85,165 ดอลลาร์ จากนั้นร่วงลงเหลือ 82,525 ดอลลาร์ และแม้จะฟื้นกลับมาที่ 83,860 ดอลลาร์ในวันที่ 4 เมษายน แต่ก็ยังแกว่งตัวต่อเนื่อง โดยวันที่ 5 เมษายน สูญเสียมูลค่ารวมไปถึง 7.944% ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวเล็กน้อยบริเวณ 76,344 – 77,296 ดอลลาร์ แต่สภาพความไม่แน่นอนยังทำให้แนวโน้มยังคงเปราะบาง
นักวิเคราะห์ในตลาดมองว่า *อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งสูง* และ *ตลาดหุ้นทั่วโลกที่อ่อนตัวพร้อมกัน* กลายเป็นแรงกดดันหลักต่อคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในช่วงที่เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโตได้รับผลกระทบก่อน อย่างไรก็ตาม มีความเห็นบางส่วนที่เชื่อว่า หากอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของสหรัฐผ่านจุดสูงสุดและเริ่มปรับตัวลง อาจเปิดทางให้เงินทุนไหลกลับสู่คริปโตได้อีกครั้ง
เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยล่าสุดที่เริ่มชะลอตัวในระยะสั้น ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองต่อไป ได้แก่ *ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ* และ *ความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย* ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวของคริปโตในระยะข้างหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0