Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ดัชนีดอลลาร์(DXY) เสี่ยงหลุดระดับ 100 นักวิเคราะห์ชี้บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะ 82,000 ดอลลาร์

Thu, 10 Apr 2025, 08:30 am UTC

ดัชนีดอลลาร์(DXY) เสี่ยงหลุดระดับ 100 นักวิเคราะห์ชี้บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะ 82,000 ดอลลาร์ / Tokenpost

ทุกครั้งที่ดัชนีดอลลาร์(DXY) ร่วงลงต่ำกว่า 100 บิตคอยน์(BTC) ก็มักจะวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดจากความตึงเครียดทางการค้า ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำให้กระแสคาดการณ์ถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์กลับมาอีกครั้ง นักวิเคราะห์หลายฝ่ายจึงเริ่มมองว่า *ตลาดกระทิงของบิตคอยน์อาจจะเปิดอีกครั้ง* ในเร็วนี้

เมื่อวันที่ 9 เมษายน สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้สั่งการให้ธนาคารของรัฐลดการซื้อขายดอลลาร์ และเข้มงวดในการตรวจสอบคำสั่งของลูกค้า เป็นมาตรการปกป้องค่าเงินหยวน แต่ในเวลาเดียวกันก็มีกระแสวิจารณ์ว่านี่อาจเป็นการตอบโต้จากจีนต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ด้วยการ *บั่นทอนค่าเงินดอลลาร์อย่างมีเจตนา*

อย่างไรก็ตาม จิม บิอังโก(Jim Bianco) นักวิเคราะห์จาก Bianco Research ได้นำเสนออีกแง่มุมหนึ่งผ่านโพสต์บน X โดยเขามองว่าข่าวที่รัฐบาลจีนเทขายพันธบัตรเป็นกลยุทธ์โจมตีเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น *ไม่น่าเชื่อถือ* พร้อมระบุด้วยว่า เมื่อดัชนีดอลลาร์ยังคงอยู่ที่ระดับ 102 และจีนไม่ได้แปลงเงินที่ขายพันธบัตรเป็นสกุลอื่น ดอลลาร์จึงยังไม่ถูกผลักให้มีมูลค่าลดลงจริงจัง

ในความเป็นจริง ดัชนีดอลลาร์ยังคงทรงตัวอยู่ในกรอบ 100–110 มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 สะท้อนให้เห็นว่า *นักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นกับสกุลเงินดอลลาร์* อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนจับตาคือ หาก DXY ตกทะลุแนวรับเชิงจิตวิทยาที่ 100 อาจจุดประกายบิตคอยน์ขึ้นรอบใหญ่ได้อีกครั้ง

หลักฐานทางประวัติศาสตร์สนับสนุนความเชื่อนี้ เช่น เมื่อเดือนมิถุนายน 2020 ที่ DXY ลดลงต่ำกว่า 100 ราคาบิตคอยน์ก็พุ่งจากประมาณ 9,450 ดอลลาร์ ไปจนถึง 57,490 ดอลลาร์ภายในเวลาแค่ 9 เดือน เทรนด์เดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2017 ด้วยเช่นกัน

หากดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ซึ่งอาจกระทบรายได้ภาษีของรัฐบาลด้วย และจะยิ่งเพิ่มปัญหาขาดดุลการคลังที่สูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะเดียวกันการนำเข้าสินค้า เช่น น้ำมัน 160,000 ล้านดอลลาร์, รถยนต์ 215,000 ล้านดอลลาร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อีก 255,000 ล้านดอลลาร์ จะมีต้นทุนแพงขึ้น ทำให้ *กำลังซื้อลดลงและเศรษฐกิจหดตัวได้*

ในเชิงมูลค่าของบริษัท มูลค่าราว 49% ของรายได้ของบริษัทใหญ่อย่าง ไมโครซอฟท์(MSFT), เทสลา(TSLA) และแอปเปิล(AAPL) มาจากต่างประเทศ ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เอ็นวีเดีย(NVDA) และกูเกิล(GOOG) ก็มีรายได้จากตลาดโลกมากกว่า 35% ซึ่งหากรายได้จากต่างประเทศลดลง ก็อาจนำไปสู่การ “ปรับฐาน” ของตลาดหุ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค ณ ขณะนี้ นักวิเคราะห์เริ่มมองว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจมีแนวโน้ม *กลับมาป้อนสภาพคล่องเข้าตลาด* เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ว่าจะยังไม่มีการทรุดตัวของ DXY ให้เห็นในทันที แต่เพียงแค่สัญญาณของการอัดฉีดเม็ดเงิน หรือภาวะที่นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยง ก็สามารถจุดประกายกระแสไหลเข้าในสินทรัพย์ความเสี่ยงอย่างบิตคอยน์ได้แล้ว

*ความคิดเห็น*: หากความเชื่อนี้เกิดขึ้นจริง บิตคอยน์อาจมีโอกาสกลับมาทดสอบระดับ 82,000 ดอลลาร์อีกครั้งในฐานะ *สินทรัพย์ทางเลือก* ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงในโลกที่ไม่แน่นอนอย่างทุกวันนี้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1