Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เมจิกอีเดนเดินหน้าสู่มัลติเชนเต็มตัว หลังเข้าซื้อสลิงช็อตท่ามกลางตลาด NFT ถดถอย

เมจิกอีเดนเดินหน้าสู่มัลติเชนเต็มตัว หลังเข้าซื้อสลิงช็อตท่ามกลางตลาด NFT ถดถอย / Tokenpost

มาร์เก็ตเพลส NFT บนเครือข่ายโซลานา(SOL) อย่างเมจิกอีเดน(Magic Eden) ประกาศเข้าซื้อแอปพลิเคชันซื้อขายคริปโตอย่างสลิงช็อต(Slingshot) พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบมัลติเชนอย่างเต็มตัว ท่ามกลางการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในตลาด NFT การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์การกระจายบริการเพื่อความอยู่รอด

เมื่อวันที่ 9 เมจิกอีเดนเผยผ่านบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าหลังการซื้อกิจการครั้งนี้ แพลตฟอร์มจะสามารถรองรับโทเคนมากกว่า 8 ล้านรายการจากบล็อกเชนหลักกว่า 10 เครือข่าย โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้บริดจ์หรือผ่านบริการจากศูนย์กลางใดๆ เพื่อทำธุรกรรม ข้อดีอยู่ที่ความสะดวกและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ เมจิกอีเดนเน้นจุดยืนว่า “เราต้องการเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกเชน” พร้อมแสดงความมั่นใจในแผนขยายสู่ระบบมัลติเชน

ด้านสลิงช็อต เป็นแอปที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายโทเคนจากหลายบล็อกเชนได้ด้วยบัญชี USDC เดียว โดยไม่ต้องตั้งค่ากระเป๋าเงินที่ซับซ้อน หรือคำนวณค่าธรรมเนียมก๊าซเอง ปัจจุบันมีผู้ใช้งานราว 1 ล้านคน จุดเด่นของเทคโนโลยี ‘การแอบสแตรกเต็มเชน (full-chain abstraction)’ ของสลิงช็อต ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการแบบกระจายศูนย์อย่างมาก ถือเป็น ‘คำ’ สำคัญที่พลิกโฉมวงการ

แจ็ค ลู(Jack Lu) ซีอีโอของเมจิกอีเดน ระบุว่าการซื้อกิจการสลิงช็อตจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ สำหรับพาผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนที่ยังพึ่งพาตลาดคริปโตแบบศูนย์กลางเข้าสู่โลก Web3 อย่างเต็มรูปแบบ โดยทั้งเมจิกอีเดนและสลิงช็อตจะยังคงดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ แต่จะพัฒนาความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ลู ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปี 2024 เมจิกอีเดนสามารถสร้างรายได้ถึง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,095 ล้านบาท) จากการให้บริการแพลตฟอร์ม NFT และคาดว่าการเสริมทัพครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นรายได้และขยายขอบเขตธุรกิจต่อเนื่อง

‘คำ’ สำคัญอีกประการคือ การตัดสินใจของเมจิกอีเดนเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงตลาด NFT ถดถอยอย่างชัดเจน ด้วยผู้เล่นสำคัญอย่างเกมสต็อป(GameStop), ดราฟต์คิงส์(DraftKings) และบายบิต(Bybit) ถอนตัวจากธุรกิจมาร์เก็ตเพลส NFT ทั้งสิ้น โดยเฉพาะบายบิตที่ระบุชัดว่าความนิยมและปริมาณซื้อขายที่ลดลงเป็นสาเหตุหลักของการปิดตัวในวันที่ 8 เมษายน ขณะที่ X2Y2 เตรียมสิ้นสุดบริการ NFT ในวันที่ 30 เมษายน และหันไปรุกตลาด AI แทน

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์คริปโตสแลม(CryptoSlam) ระบุว่าในปี 2025 มีการซื้อขาย NFT ราว 140,000 รายการ มูลค่ารวม 1.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) แต่ปริมาณรายเดือนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023 ที่มีมูลค่ารวม 8.9 พันล้านดอลลาร์ และห่างไกลจากจุดสูงสุดของปี 2022 ที่แตะระดับ 23.7 พันล้านดอลลาร์

‘ความคิดเห็น’ จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองตรงกันว่า การเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFT จะไม่สามารถอาศัยแพลตฟอร์มเชิงเดี่ยวได้อีกต่อไป แต่จำเป็นต้องขยับสู่ระบบแบบมัลติเชนและรองรับหลากหลายสินทรัพย์ ซึ่งการเข้าซื้อสลิงช็อตของเมจิกอีเดนอาจไม่ได้เป็นแค่การขยายฐานผู้ใช้งาน แต่เป็น ‘สัญญาณ’ ของการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นที่ซื้อขายคริปโตครั้งใหญ่

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1