เหรียญริปเปิล(XRP) เผชิญแรงซื้อที่อ่อนตัวลง หลังจากแตะจุดสูงสุดในรอบไซเคิลที่ 3.40 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,960 บาท) เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ราคาล่าสุดดิ่งลงถึง 46% ภายในช่วงสามเดือน ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ตามข้อมูลของแพลตฟอร์มออนเชนอย่าง Glassnode ยังคงมี XRP กว่า 81.6% ที่อยู่ใน 'สถานะมีกำไร'
ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 92% เล็กน้อย แต่ยังบ่งชี้ว่าผู้ถือ XRP ส่วนใหญ่ยังรักษามูลค่ากำไรไว้ได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญอื่น พบว่า ทรอน(TRX) มีสัดส่วนเหรียญที่ยังอยู่ในสถานะมีกำไรมากที่สุดที่ 84.6% ตามด้วย บิตคอยน์(BTC) 76.8%, อีเธอเรียม(ETH) 44.9% และ โซลานา(SOL) 31.6%
ด้านนักลงทุนชาวเกาหลีใต้เองก็มีบทบาทในความเคลื่อนไหวนี้ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,920 บาท) นักลงทุนในแพลตฟอร์มท้องถิ่นอย่าง Upbit และ Bybit เข้าซื้ออย่างหนัก ส่งผลให้ราคาพุ่งกลับขึ้นไปแตะ 2.89 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,220 บาท) ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการเทขายกลับมาเด่นชัดอีกครั้งในเวลาล่าสุด โดยนักวิเคราะห์นิรนามชื่อ โดม (Dom) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 6 ถึง 7 เมษายน มียอดการซื้อขายในคู่ XRP/KRW มากถึง 1.4 ล้านครั้ง โดย 62% เป็นคำสั่งขาย คิดเป็นมูลค่าการเทขายสุทธิราว 120 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,752 ล้านบาท)
การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแรงเทขายจากทั้งผู้ถือระยะยาวและนักลงทุนใหม่ ข้อมูลจาก Cointelegraph ระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการชำระบัญชี (liquidation) มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 หมื่นล้านบาท) ที่ระดับราคาเฉลี่ย 2.10 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,060 บาท)
ราคาของ XRP ยิ่งร่วงแรงในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยวันที่ 7 เมษายน ร่วงแตะจุดต่ำสุดของปีที่ระดับ 1.61 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,350 บาท) แม้ว่าราคาจะฟื้นกลับมายืนเหนือ 2 ดอลลาร์ภายในสองวัน แต่จากกราฟหลายช่วงเวลา ยังคงแสดงโครงสร้างแบบ ‘ขาลง’
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค XRP กำลังปิดแท่งราคารายวันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ของการร่วงลงต่อ โดยโซนแนวรับหลักอยู่ที่ช่วง 1.63–1.27 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,380–1,850 บาท) ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นจุดที่แรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0