ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอย่างผันผวนอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเมื่อวันที่ 11 ราคาบิตคอยน์(BTC) ดิ่งลงราว 1 ล้านเยนภายใน 24 ชั่วโมง เหลือเพียง 1,149,000 เยนต่อ 1 BTC การปรับตัวลงในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐกลับลำด้านนโยบายภาษีอย่างกะทันหัน สร้างความวุ่นวายให้แก่ตลาดและส่งผลให้เกิดแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาล จนทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวพุ่งสูง สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้น น้ำมัน และคริปโต
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นโยบายการค้าของทรัมป์เป็นต้นตอของความไม่แน่นอนในตลาด และราคาบิตคอยน์ที่ปรับฐานลงนั้นแทบเลี่ยงไม่ได้ นักวิเคราะห์จาก X-Bank นามว่า ‘NISHI’ วิเคราะห์ว่า “กองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักลงทุนสถาบันบางส่วนกำลังเร่งขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยผลขาดทุนที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น และในกระบวนการนี้ บิตคอยน์ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงก็ถูกเทขายตามไปด้วย” เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับความผันผวนในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 และระบุว่า “ตลาดมีแนวโน้มจะตอบสนองอย่างรุนแรงต่อความเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยในช่วงนี้”
นอกจากตลาดสปอตแล้ว ตลาดอนุพันธ์ก็สะท้อนความวิตกของนักลงทุนเช่นกัน โดยสัญญาคงค้าง(Open Interest) ที่เคยเพิ่มขึ้นจากการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์ถูกชำระบัญชีเกือบหมดภายในวันเดียว แสดงให้เห็นแนวโน้ม ‘เทขาย’ อย่างชัดเจน ทั้งในตลาดฟิวเจอร์สและตลาดสปอต การขายออกจำนวนมากสะท้อนถึงความพยายามของนักลงทุนในการรีบระดมสภาพคล่อง อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณของการเข้าซื้อกลับบางส่วนจากนักลงทุนที่ต้องการฉวยโอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาต่ำ ซึ่งทำให้เกิดแรงซื้อกลับเล็กน้อยในตลาดบางแห่ง
แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะก่อแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดคริปโตในระยะสั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเห็นว่า การที่นโยบายของทรัมป์ยังไม่แน่นอนอาจกลับกลายเป็นปัจจัยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว โดยเฉพาะในบริบทของการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์และบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ความไม่แน่นอนทางการเมืองและด้านนโยบายอาจกลายเป็น ‘โอกาส’ สำหรับบิตคอยน์ในการยืนหยัดในฐานะทรัพย์สินที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด โดยในวันที่ 11 จะมีการประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ ตามด้วยข้อมูลยอดค้าปลีกวันที่ 16 และประกาศนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 17 ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระตุ้นความผันผวนต่อราคาบิตคอยน์และตลาดคริปโตโดยรวม
ความคิดเห็น 0