ราคาของโทเคน OM ร่วงลงอย่างรุนแรงจนสร้างความกังวลในกลุ่มผู้ใช้งานของมายนตรา(Mantra) ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตามเวลาท้องถิ่น จอห์น มัลลิน(John Mullin) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ของมายนตรา ออกมาเปิดเผยผ่านกิจกรรม AMA ที่จัดโดย Cointelegraph ว่าการฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อโทเคน OM เป็น‘ภารกิจเร่งด่วนที่สุด’ในขณะนี้ โดยแผนการที่อยู่ระหว่างวางแนวทาง รวมถึง ‘การซื้อคืน’ และ ‘การเบิร์นโทเคน’
มัลลินยอมรับว่าแผนการซื้อคืนยังอยู่ใน“ขั้นเริ่มต้น” และรายละเอียดการดำเนินการยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ยืนยันว่ามายนตราและพันธมิตรกำลังมุ่งมั่นฟื้นฟูระบบนิเวศของโทเคนอย่างจริงจัง ปัจจุบัน OM ซื้อขายที่ระดับประมาณ 0.73 ดอลลาร์ หรือราว 1,065 บาท เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 0.52 ดอลลาร์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13
สำหรับข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นจากตลาด มัลลินออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า “เป็นข้อมูลที่ผิด” โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า กลุ่มทีมงานของมายนตราควบคุมอุปทานทั้งหมดถึง 90% และมีนักลงทุนรายใหญ่เทขายก่อนราคาดิ่ง ทั้งนี้ มัลลินระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเผย‘รายงานความโปร่งใส’ซึ่งแสดงรายละเอียดกระเป๋าเงินทั้งหมดของทีมงาน
เขายังอธิบายเพิ่มเติมว่า OM มีอยู่สองเวอร์ชัน คือ บนเครือข่ายของอีเธอเรียม(ETH) และบนเมนเน็ตของมายนตรา โดยเวอร์ชันอีเธอเรียมนั้นมีโควตาสูงสุดตั้งแต่ปี 2020 แล้ว ด้านผู้ถือใหญ่สุดของ OM ได้แก่ ไบแนนซ์ ในขณะที่กระเป๋าเงินที่ถือโทเคนมากที่สุดราว 130 ล้านโทเคน หรือประมาณ 14% ของอุปทานหมุนเวียน เป็นของแพลตฟอร์ม OKX
มัลลินยังได้กล่าวถึง “กองทุนระบบนิเวศของมายนตรา (MEF)” มูลค่า 109 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,593 ล้านบาท) ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 7 โดยมีกลุ่มนักลงทุนอย่าง Laser Digital, Shorooq, Brevan Howard Digital, Valour Capital และ Amber Group เข้าร่วม ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวไม่ได้ประกอบด้วยโทเคน OM เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงเงินทุนในรูปแบบดอลลาร์ด้วย
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยคือ การโอนโทเคน OM 38 ล้านเหรียญผ่านไบแนนซ์ ซึ่งมัลลินชี้แจงว่าเป็น ‘กระบวนการคืนโทเคน’ จากโปรแกรมสเตคกิ้งที่สิ้นสุดแล้ว โดยโทเคนดังกล่าวเป็นของไบแนนซ์ที่ถือครองเพื่อใช้กับโปรแกรมดังกล่าว
ส่วนสาเหตุหลักของราคาที่ร่วงลง มัลลินเปิดเผยว่า มาจาก ‘จำนวนมหาศาลของโทเคน OM’ ที่ถูกเทขายโดยหนึ่งในผู้ถือครองที่ไม่เปิดเผยชื่อซึ่งเป็นของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน เขาชี้ให้เห็นว่า การที่แพลตฟอร์มนั้นจำเป็นต้องปิดสถานะและขายโทเคนที่ใช้ค้ำประกัน ก่อให้เกิดแรงขายชุดใหญ่ในตลาดและการบังคับขายตามมาในภายหลัง
มัลลินย้ำว่า “ไม่เคยหนีปัญหา และพยายามเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส” เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในชุมชนของมายนตราอีกครั้ง พร้อมเน้นย้ำว่าจะให้ความสำคัญสูงสุดกับการสื่อสารและสร้างความไว้วางใจกับผู้ใช้งานทุกคน
ความคิดเห็น 0