ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจยุติกระบวนการเรียกเก็บภาษีต่อแคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้ตลาดคริปโต โดยเฉพาะอีเธอเรียม(ETH) ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยราคาของอีเธอเรียมปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอริค ทรัมป์(Eric Trump) ยังสร้างความสนใจเพิ่มเติมด้วยการออกมาแนะนำให้ลงทุนในอีเธอเรียมผ่านโซเชียลมีเดียของเขา
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ (เวลาท้องถิ่น) หลังจากที่ทรัมป์ประธานาธิบดีมีท่าทีแข็งกร้าวเรื่องเรียกเก็บภาษีจากเม็กซิโกและแคนาดา ราคาของอีเธอเรียมตกลงถึง $3,301 หรือประมาณ 13% อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวว่าทรัมป์อาจยุติกระบวนการนี้ ตลาดอีเธอเรียมเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยก่อนหน้านี้ราคาขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.19% ก่อนที่ในวันถัดมาอีเธอเรียมจะพุ่งขึ้นถึง 8% ภายในวันเดียว
สิ่งที่น่าสนใจคือ เอริค ทรัมป์ ใช้โซเชียลมีเดียของเขารณรงค์สนับสนุนให้นักลงทุนเข้าซื้ออีเธอเรียม โดยกล่าวว่า “นี่คือเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนในอีเธอเรียม” ถึงแม้ภายหลังข้อความดังกล่าวจะถูกแก้ไขและลดความเชื่อมั่นลงเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ยังสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับราคา
อีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นที่จับตาคือการเคลื่อนไหวทางการเงินของโครงการดีไฟ(World Liberty Financial) ซึ่งดำเนินงานโดยครอบครัวทรัมป์ ล่าสุดได้ย้ายคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่าประมาณ 3.71 พันล้านบาทไปยังบริการดูแลสินทรัพย์ของคอยน์เบส(Coinbase Custody) และแปลงสเตกกิ้งอีเธอเรียมจำนวน 20,000 เหรียญกลับเป็นอีเธอเรียมมาตรฐาน นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าสิ่งนี้อาจเชื่อมโยงกับความพยายามพัฒนาโปรโตคอลการกู้ยืมในโครงการดีไฟดังกล่าว
ทั้งนี้ ในขณะที่บิตคอยน์(BTC) ทำสถิติสูงสุดใหม่ๆ หลายครั้ง อีเธอเรียมกลับมีทิศทางตรงกันข้าม โดยราคากลับลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับบิตคอยน์ ถือเป็นจุดที่ควรจับตามองอย่างยิ่ง
ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าอีเธอเรียมอาจต้องการกลยุทธ์ใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ความสนใจในตลาดจึงมุ่งไปสู่แนวนโยบายที่อาจจะเปลี่ยนไป และการเชื่อมโยงระหว่างโครงการดีไฟและการเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ในเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี
ความคิดเห็น 0