อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนในคริปโตอย่างดีไฟแอนซ์ แคปิตอล(DeFiance Capital) แสดงความกังวลต่อปัญหา ‘การปั่นราคา’ ในตลาดคริปโต ซึ่งเขาระบุว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเขากล่าวว่าการร่วมมือกันระหว่าง *มาร์เก็ตเมกเกอร์* และ *กระดานเทรดแบบรวมศูนย์(CEX)* ทำให้ราคาของคริปโตเคอร์เรนซีหลายรายการถูกควบคุมอย่างจงใจ
อาเธอร์ เผยผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 24 ว่า “นักลงทุนไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ราคาปัจจุบันสะท้อนจากกลไกตลาดอย่างแท้จริง หรือเป็นผลจากการควบคุมโดยทีมพัฒนาโครงการและมาร์เก็ตเมกเกอร์” พร้อมเตือนว่า “หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากจะกลายเป็น ‘ตลาดที่ไม่ควรลงทุน’ (uninvestable) ไปอีกนาน”
โดยเขาตั้งคำถามถึงบทบาทของแพลตฟอร์มอย่าง CEX ที่ดูเหมือนจะไม่รับรู้หรือมองข้ามปัญหานี้ พร้อมทั้งเปรียบเทียบตลาดอัลท์คอยน์ในปัจจุบันว่าเหมือนกับ *ตลาดเลมอน(Lemon's Market)* ซึ่งเป็นภาวะที่สินทรัพย์ไร้คุณภาพสามารถผลักดันสินทรัพย์ที่มีคุณภาพให้ออกจากตลาดได้เนื่องจากข้อมูลที่ไม่สมดุล
นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่า ในงานเปิดตัวโทเคนจำนวนมากที่เกิดขึ้นในปี 2025 ปัญหาเดิมก็ยังคงเกิดขึ้น โดยเฉพาะโทเคนที่ราคาร่วงลงมากถึง 70% ถึง 90% หลังเข้าสู่ตลาดได้ไม่นาน สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนส่วนใหญ่
ข้อมูลจากไมลส์ ดอยเชอร์(Miles Deutscher) นักวิเคราะห์คริปโต ระบุว่า จากโทเคน 27 รายการที่เข้าสู่ตลาดผ่านแพลตฟอร์มไบแนนซ์(Binance) ในปี 2025 มีเพียง 3 รายการเท่านั้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวก นั่นหมายความว่า *ประมาณ 88% ของเหรียญทั้งหมดมีราคาลดลง* บางรายการราคาร่วงสูงสุดถึง 90%
ผู้ใช้งานในชุมชนคริปโตบางรายยืนยันว่า นี่คือ ‘ความเป็นจริงของตลาดในตอนนี้’ และเรียกร้องให้ไบแนนซ์พิจารณากลไกการประเมินโทเคนก่อนลิสต์อย่างรอบคอบมากขึ้น แถมยังอ้างถึงคำพูดของ จางเผิง เจา(Changpeng Zhao) ผู้ร่วมก่อตั้งไบแนนซ์ ที่เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า “ระบบการลิสต์โทเคนในปัจจุบันยังมีข้อบกพร่อง” และ CEX ควรพิจารณานำระบบอัตโนมัติแบบเดียวกับ DEX มาใช้งาน
ความคิดเห็น: การที่ตลาดยังปล่อยให้มี *โครงสร้างราคาที่ถูกควบคุมได้* เช่นนี้ อาจกระตุ้นให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยสูญเสียความเชื่อมั่นต่อไป ส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาวของวงการคริปโต
หลายฝ่ายเริ่มเรียกร้องให้ธุรกิจภายในอุตสาหกรรมคริปโตใช้ *แนวทางที่โปร่งใส* มากขึ้น และจำเป็นต้องวางมาตรฐานการทำงานใหม่ที่น่าเชื่อถือ เพื่อรักษาความมั่นใจของนักลงทุน และทำให้ตลาดสามารถเข้าสู่ขั้นตอน ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ ได้ในที่สุด
ความคิดเห็น 0