ตลาดคริปโตและหุ้นทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงสุดถึง 245% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน เมื่อวันที่ 15 (เวลาท้องถิ่น) สร้างความกังวลว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติกำลังปะทุขึ้นอีกครั้ง
ตามเอกสารทางการที่ทำเนียบขาวเผยแพร่ มาตรการครั้งนี้รวมถึง ‘ภาษีพิเศษ’ 20% เพื่อจัดการปัญหาฟันตานิล (Fentanyl), การเก็บ ‘ภาษีตอบโต้’ ในอัตราสูงถึง 125% เพื่อตอบโต้การกระทำของจีน, และการเก็บภาษีตามมาตรา 301 ซึ่งครอบคลุมสินค้ากลยุทธ์ที่หลากหลายในอัตราระหว่าง 7.5% ถึง 100% สหรัฐฯ ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้าง ‘ความมั่นคงของชาติ’ และ ‘ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ’
ทรัมป์ กล่าวว่าภาษีใหม่นี้มุ่งทำลายโครงสร้างการส่งออกที่อิงกับแร่หายากและผลิตภัณฑ์สำคัญจากจีน โดยมองว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อระงับการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าจากจีน พร้อมชี้ว่า ‘อัตราภาษีสูง’ จะช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมภายในประเทศและสร้าง ‘งานใหม่’ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเตือนว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจสร้างแรงกระเพื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นักลงทุนในตลาดคริปโตเองก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่โหมดความไม่แน่นอน ความผันผวนในราคาบิตคอยน์(BTC) อีเธอเรียม(ETH) และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อาจปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาอาจต้องชะงักลง ความคิดเห็น: การบีบช่องทางการค้าและการเงินแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อตลาดที่ต้องพึ่งพาเสถียรภาพอย่างคริปโต
นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้มาตรการกีดกันทางการค้าของทรัมป์จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว อาจก่อให้เกิด ‘ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์’ ที่ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อ ‘ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’ อย่างยาวนาน ‘ความไม่แน่นอน’ ที่เพิ่มขึ้นอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของตลาดคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0