องค์กรอาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังขยายการฟอกเงินผ่านคริปโตอย่างก้าวกระโดด ตามรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 รายงานระบุว่ากลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ไม่ได้หยุดแค่การใช้โครงสร้างพื้นฐานของสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ แต่ยังพัฒนา *สกุลเงินดิจิทัล*, *เครือข่ายบล็อกเชน* และ *แพลตฟอร์มซื้อขายของตนเอง* เพื่อเพิ่มความซับซ้อนในการปกปิดเส้นทางการเงิน
รายงานชี้ว่า องค์กรเหล่านี้ได้ออกแบบระบบการเงินดิจิทัลใหม่ทั้งหมดเพื่อเลี่ยงการตรวจจับจากเครือข่ายการเงินทั่วไป โดยเฉพาะการใช้จุดอ่อนจากความแตกต่างของระดับการกำกับดูแลระหว่างประเทศ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างโครงสร้างการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนและยากแก่การติดตาม
หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่ถูกหยิบยกคือแพลตฟอร์มที่ปัจจุบันใช้ชื่อว่า ‘ห่าวหวัง(Haowang)’ ซึ่งเดิมรู้จักกันในชื่อ ‘ฮุ่ยวัน การันตี(Huione Guarantee)’ รายงานระบุว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกรรมคริปโตมูลค่ากว่า 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35.4 ล้านล้านวอน) ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นระบบปิดที่รองรับผู้ใช้ชาวจีนจำนวนมาก และมีบทบาทใน *การฉ้อฉลด้านการลงทุน*, *หลอกลวงการเงินโดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ* และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ
UNODC เตือนว่า การใช้เทคโนโลยีการเงินดิจิทัลอย่างไม่รับผิดชอบเช่นนี้ กำลังกลายเป็น *ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ* และ *เสถียรภาพทางการเงินโลก* ผู้แทนขององค์กรยังกล่าวเสริมว่า “การควบคุมระดับชาติแต่เพียงลำพัง ไม่สามารถจัดการกับระบบอาชญากรรมที่ออกแบบมาเฉพาะเช่นนี้ได้ หากปราศจากความร่วมมือระหว่างประเทศ”
รายงานดังกล่าวยังเน้นว่า การขยายตัวของตลาดคริปโต ทำให้กระบวนการและเทคนิคการฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรมมีความประณีตมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาคมโลกจะต้องยกระดับการตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้ พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น 0