บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 97,000 ดอลลาร์ แต่ความสนใจของนักลงทุนยังซบเซา
เมื่อวันที่ 9 ตลาดคริปโตได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าจีนเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าพลังงานจากสหรัฐฯ รวมถึง น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า 95,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% กับสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมเพื่อตอบโต้ ทำให้บิตคอยน์สามารถกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 97,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง
แม้ราคาจะดีดกลับ แต่สัญญาณซื้อจากนักลงทุนสถาบันยังคงอ่อนแรง ข้อมูลจากตลาดซื้อขายอนุพันธ์และกองทุน ETF สะท้อนว่าความต้องการลงทุนในบิตคอยน์ยังไม่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดออปชัน พบว่า ‘25% Delta Skew’ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแตกต่างระหว่างออปชันฝั่งซื้อ (Call) และออปชันฝั่งขาย (Put) อยู่ที่ระดับ 2% เท่านั้น ลดลงจากระดับ -5% ในวันที่ 1 ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อในช่วงนี้
ในตลาดฟิวเจอร์ส สภาวะการเข้าลงทุนโดยใช้เลเวอเรจก็ลดลงเช่นกัน โดยปัจจุบันส่วนต่างราคาสัญญาฟิวเจอร์สบิตคอยน์แบบ 2 เดือน อยู่ที่ 8% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าระดับ 11% ที่เคยบันทึกไว้เมื่อวันที่ 1 ปกติแล้ว หากส่วนต่างราคายังคงสูงกว่า 10% มักเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้น แต่ตัวเลขล่าสุดกลับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
ความระมัดระวังของนักลงทุนสถาบันมีแนวโน้มเกิดจากปัจจัยมหภาคมากกว่าตัวสินทรัพย์ดิจิทัลเอง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงจาก 4.78% เป็น 4.50% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการโยกย้ายเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในตลาดคริปโตหดตัว
ขณะเดียวกัน นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เพิ่มแรงกดดันต่อนักลงทุน ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวจากมาตรการภาษีส่งผลให้ความหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์ (DXY) พุ่งแตะระดับ 108.30 ในวันที่ 10 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังมองหาความปลอดภัยมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แม้บิตคอยน์จะยังคงแกว่งตัวและยังไม่สามารถฝ่ากำแพง 98,000 ดอลลาร์ได้ แต่ในระยะยาวแนวโน้มยังเป็นบวก รัฐบาลบางรัฐในสหรัฐฯ กำลังผลักดันกฎหมายให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำหรับการสำรองเงินทุน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการสะสมคริปโตในระดับสากล
แนวโน้มของบิตคอยน์ในอนาคตยังขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0