ท่ามกลางกระแสการเข้าซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* ของ *กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ* และ *สถาบันการเงินขนาดใหญ่* ในระดับประเทศ ล่าสุดมีการวิเคราะห์ว่า *นักลงทุนรายย่อย* กำลังเทขายสินทรัพย์ผ่านกองทุน ETF และตลาดซื้อขายจริงเพื่อถอนทุนคืน ขณะที่ทิศทางของบิตคอยน์กำลังกลับมาได้รับการยอมรับอีกครั้งในฐานะเครื่องมือ *ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ* และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค
จอห์น ดากอสติโน(John D’Agostino) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจลูกค้าสถาบันของ *บริษัทคอยน์เบส* ให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อไม่นานมานี้ว่า บิตคอยน์กำลังกลับมายืนในจุดแข็งเดิมควบคู่กับคุณสมบัติที่คล้าย ‘*ทองคำ*’ โดยระบุว่า บิตคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์ที่ *มีจำนวนจำกัด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และเคลื่อนย้ายได้โดยไม่ต้องพึ่งรัฐ* ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเชื่อมั่นในทิศทางราคาและถือว่าบิตคอยน์มีคุณค่าคล้ายกับทองคำ “ถ้าเราต้องจัดอันดับสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติเหมือนทองคำ รายชื่อนั้นจะสั้นมาก และ *บิตคอยน์ก็อยู่ในหมวดนั้นอย่างชัดเจน*” ดากอสติโนกล่าวเสริม
กระแสความเชื่อมั่นนี้ไม่ได้สะท้อนแค่การเคลื่อนไหวระยะสั้นของตลาด แต่ยังชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาวอีกด้วย ปัจจุบันรัฐบาลหลายประเทศและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่กำลังใช้บิตคอยน์ในฐานะเครื่องมือปกป้องมูลค่าทรัพย์สินจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ทั้งจากวิกฤตห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อที่พุ่งสูง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าบิตคอยน์อาจกลายเป็น ‘*ทองคำดิจิทัล*’ ตัวแทนระบบการเงินที่ไม่ผูกมัดกับรัฐ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือท่าทีผ่อนคลายด้านนโยบายคริปโตที่เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์กลับมามีบทบาททางการเมือง ส่งผลให้บรรดานักลงทุนสถาบันเริ่มกล้าเสี่ยงมากขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบลดน้อยลง ความเคลื่อนไหวนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า *การไหลเข้าของเม็ดเงินจากฝั่งสถาบัน* จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะตราบใดที่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย
*ความคิดเห็น:* พฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันน่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะหากกระแสถือบิตคอยน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงยังดำเนินต่อ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตลาดคริปโตทั้งระบบ
ความคิดเห็น 0