บีเอ็นบีเชน(BNB Chain) ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนภายใต้ไบแนนซ์(Binance) แสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากผ่านช่วงนิ่งเงียบในปี 2023 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการไหลเข้าของนักลงทุนสถาบัน การเติบโตของระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ(DeFi) และปริมาณการซื้อขายที่พุ่งขึ้นของศูนย์ซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์(CEX) อย่างไบแนนซ์ ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังหนุนให้เครือข่ายกลับมาน่าจับตาอีกครั้ง
ในช่วงปีที่ผ่านมา มีเงินทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่ตลาด DeFi และกองทุนรวมดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐ(ETF) ทำให้บีเอ็นบีเชนสามารถสร้างรากฐานการเติบโตที่มั่นคง ทั้งนี้ บีเอ็นบี(BNB) ซึ่งเป็นโทเคนดั้งเดิมของเครือข่าย ได้ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2025 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอัลต์คอยน์ที่แสดง ‘ความแข็งแกร่ง’ ได้ดีที่สุดภายใต้สภาวะตลาดที่ยังคงอยู่ในช่วงขาลง
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แหล่งข้อมูลวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างอัลฟราโฝล(Alphractal) กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า ความเคลื่อนไหวของราคา BNB ครั้งนี้ “มีความหมายมากกว่าการขึ้นราคาทั่วไป” และเป็นผลจากการที่ไบแนนซ์ได้ ‘สร้างระบบนิเวศขนาดใหญ่’ ที่การใช้งานโทเคน BNB มีบทบาทอย่างแพร่หลาย จนทำให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทางด้านสถาบันการเงินระดับโลกอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(Standard Chartered) คาดการณ์ว่า ราคาของ BNB จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาจแตะระดับ 2,775 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.05 ล้านบาท) ได้ภายในสิ้นปี 2028 ขณะที่ปัจจุบัน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม) BNB กำลังซื้อขายอยู่ที่ราว 600 ดอลลาร์ หรือราว 876,000 บาท โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 124.1 ล้านล้านบาท)
นอกจากนี้ ความคืบหน้าล่าสุดของ ‘การเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม’ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงส่งที่น่าจับตา โดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่างแวนเอ็ค(VanEck) ได้ยื่นคำขอเปิดตัว BNB ETF ตัวแรกในสหรัฐเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา หากได้รับการอนุมัติและเปิดเทรดในตลาดหุ้นสหรัฐ โทเคน BNB จะมีโอกาสได้รับ ‘การยอมรับในระดับสถาบัน’ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อมูลค่าของเหรียญในระยะยาว ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดคริปโต.
ความคิดเห็น 0