ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งไมโครสแตรทิจี(MSTR) เชื่อว่าราคาบิตคอยน์(BTC) ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.5 ล้านบาท) ได้ เนื่องจากแรงขายจากนักลงทุนที่ขาดมุมมองระยะยาว เขาระบุว่าแม้จะมีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาด แต่ก็มีนักลงทุนสายสั้นที่เลือกจะถอนตัวในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้แรงซื้อถูกเบี่ยงเบนและราคาถูกกดไว้
ในพอดแคสต์ Coin Stories เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม เซย์เลอร์กล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของฐานนักลงทุน” พร้อมเสริมว่า “นักลงทุนที่ไม่มีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจได้เทขายสินทรัพย์ออกจากตลาด ในขณะที่กลุ่มผู้ลงทุนระยะยาวรายใหม่เริ่มเข้ามาแทนที่”
เขายังชี้ถึงผลกระทบจากจำนวนบิตคอยน์ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในมือของภาครัฐ ทนายความ และผู้ดูแลการล้มละลาย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ไม่ขับเคลื่อนโดยจุดประสงค์ด้านเศรษฐกิจ เมื่อกลุ่มเหล่านี้กลายเป็นผู้ขาย ก็ทำให้เกิด ‘อุปทานส่วนเกิน’ ในตลาด ส่งผลทางลบต่อราคา
เซย์เลอร์ยืนยันมาตลอดว่าบิตคอยน์ไม่ใช่ ‘สินทรัพย์เก็งกำไร’ แต่เป็น ‘เครื่องมือสำหรับการเก็บรักษาความมั่งคั่ง’ ที่เหมาะกับคนที่มองการณ์ไกลอย่างน้อย 10 ปี เขาคาดว่าเมื่อแรงขายลดลงและนักลงทุนค่อยๆ เรียนรู้ถึงคุณค่าของการถือครองในระยะยาว ราคาก็จะถูกประเมินใหม่ในระดับที่สูงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
จากมุมมองของเขา ช่วงราคาย่อตอนนี้ไม่ใช่แค่ผลของการขายทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่แสดงถึงการส่งต่ออำนาจในการกำหนดแนวโน้มตลาดจากนักลงทุนยุคเก่าไปสู่นักลงทุนรุ่นใหม่ “เมื่อการเปลี่ยนมือระลอกนี้สิ้นสุดลง ตลาดจะกลับมาได้รับแรงผลักดันอีกครั้ง” เขากล่าวในท้ายที่สุด
ความคิดเห็น 0