บิตคอยน์(BTC)แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาในชื่อ ‘วันปลดปล่อย’ โดยในขณะที่ดัชนี S&P500 และแนสแด็กร่วงลงโดยรวม บิตคอยน์ซึ่งร่วงแตะระดับ 75,000 ดอลลาร์ (ราว 1.09 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 7 เมษายน กลับพุ่งขึ้น 27% ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ทะยานกลับมาแตะระดับ 95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.38 ล้านบาท)
ดีแอน คริปโต(Daan Crypto) นักเทรดคริปโตชื่อดัง มองว่าในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน ความแข็งแกร่งของบิตคอยน์สะท้อนให้เห็นว่ากำลังกลายเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัยทางดิจิทัล’ โดยเขาให้ความเห็นว่า นักลงทุนอาจมองบิตคอยน์เป็นทางเลือกในการเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีที่สหรัฐฯมีต่อจีน อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนบรรลุผล อาจลดแรงส่งในการปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ทำเนียบขาวแถลงว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยสนธิ เบสเซนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่ารายละเอียดของข้อตกลงจะถูกประกาศเร็ว ๆ นี้ พร้อมย้ำว่า “การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์” อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประกาศข้อตกลงอย่างเป็นทางการ
ในส่วนของราคาบิตคอยน์ในอนาคต ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ เจฟฟ์ เมย์(Jeff Mei) ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ BTSE มองว่า หากการเจรจาการค้าสำเร็จ และธนาคารกลางสหรัฐฯส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ก็อาจเปิดทางให้นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น
จูปิเตอร์ เจิง(Jupiter Zheng) นักวิจัยจากแฮชคีย์แคปิทัล(HashKey Capital) เห็นว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างมหาอำนาจทั้งสองจะช่วยเสถียรภาพของตลาดโลก ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์เติบโตและทางเลือกอื่น ๆ อย่างคริปโต เขาเสริมว่า หากข้อตกลงนี้นำไปสู่การอ่อนค่าของดอลลาร์หรือเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดเกิดใหม่ บิตคอยน์อาจแตะจุดสูงสุดใหม่ได้
ด้านนักวิเคราะห์ออนเชน วิล คลีเมนต์(Will Clemente) ระบุว่า บิตคอยน์ยังต้องการแรงขับเคลื่อนจากการประกาศข้อตกลงการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างแรงส่งใหม่ให้กับตลาด หลังจากอยู่ในช่วงชะลอโมเมนตัมมาระยะหนึ่ง โดยเขาเน้นว่าตลาดกำลังรอคอยปัจจัยกระตุ้นเชิงนโยบายเพื่อกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0