ท่ามกลางกระแสการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังมีรายงานว่าสหรัฐและสหภาพยุโรปเตรียมระงับการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ทะยานขึ้น 1.5% เมื่อวันที่ 27 ขณะที่ *บิตคอยน์(BTC)* ก็เริ่มกลับมาเป็นที่จับตามองของนักลงทุนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง บวกกับท่าทีของสหรัฐที่ยังคงขึ้นภาษีนำเข้ากับหลายภูมิภาค ก็ส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของ *บิตคอยน์* ยังมีข้อจำกัดในระดับหนึ่ง
แม้จะเผชิญสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่ความต้องการจากนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนบริษัทที่นำ *บิตคอยน์* ไปใช้จริงในระบบการดำเนินงาน ยังคงเป็นแรงผลักสำคัญที่ช่วยหนุนราคาขึ้นได้ในระยะยาว ท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้น *บิตคอยน์* ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ในฐานะสินทรัพย์ประเภท ‘แอนติแฟรไจล์(antifragile)’ ที่ยิ่งแข็งแกร่งเมื่อเผชิญวิกฤต ล่าสุดราคาของ *บิตคอยน์* ยังคงเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงบริเวณ 110,000 ดอลลาร์ (ราว 1.5 ล้านบาท) พร้อมกับที่คริปโตเบอร์หนึ่งของโลกนี้ไต่ขึ้นไปอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงสุด 6 อันดับแรกของโลก เพิ่มมิติความน่าสนใจให้มากขึ้นไปอีก
คำถามสำคัญของนักลงทุนในตอนนี้ คือ *บิตคอยน์* มีความสามารถเพียงพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้หรือไม่ หรือจะตกกลับลงไปต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.37 ล้านบาท) อีกครั้ง ท่ามกลางสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่มีแนวโน้ม ‘คงอัตราดอกเบี้ย’ ถึงเดือนกันยายน โดยความน่าจะเป็นของกรณีนี้พุ่งขึ้นจาก 2% เป็น 41% ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็น *ปัจจัยบวก* สำหรับราคาของ *บิตคอยน์* ในภาพรวมระยะกลางถึงยาว
ในอีกด้านหนึ่ง กระแสการกลับมาของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ก็ถือเป็นอีกองค์ประกอบที่ส่งผลสะเทือนต่อตลาดอย่างเงียบๆ โดยทรัมป์ซึ่งเป็นตัวเต็งของพรรครีพับลิกัน แสดงจุดยืนชัดเจนด้านการผ่อนคลายกฎระเบียบและสนับสนุนภาคธุรกิจ ซึ่งแนวทางเหล่านี้อาจส่งผลดีต่อการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต *ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า หากทรัมป์ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ตลาดคริปโตอาจได้รับ ‘สัญญาณเชิงบวก’ แต่ก็ต้องจับตาความไม่แน่นอนทางการเมืองและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งอาจฉุดให้ *บิตคอยน์* ผันผวนมากขึ้นในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0