อันเดรย์ กราเชฟ ผู้บริหารของ DWF แล็บส์ ได้เสนอแนะต่อทีมพัฒนาของ ‘เนียร์โปรโตคอล(NEAR)’ ให้ปรับอัตรา *เงินเฟ้อของโทเคน(Inflation)* ลดลงครึ่งหนึ่งจากปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของโปรโตคอลนี้ในระยะยาว โดยเสนอให้อัตราเงินเฟ้อลดลงจาก 5% ต่อปี เหลือเพียง 2.5% ตามโพสต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเขา
กราเชฟระบุว่า ปัจจุบัน DWF แล็บส์ถือครองโทเคน ‘เนียร์(NEAR)’ อยู่ 5 ล้านเหรียญ และมีการนำอีก 6 ล้านเหรียญไป *สเตก(Stake)* แล้วเรียบร้อย พร้อมประกาศว่าหากข้อเสนอได้รับการยอมรับ บริษัทมีแผนจะซื้อเพิ่มอีก 10 ล้านเหรียญ ซึ่งตามราคาปัจจุบันที่ 2.57 ดอลลาร์ต่อเหรียญ การลงทุนครั้งนี้จะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 25.7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 357 พันล้านวอน
ข้อเสนอนี้ได้รับความสนใจจากชุมชนของเนียร์ โดยโบเวน หวัง นักพัฒนาหลักของโปรโตคอล แสดงความคิดเห็นว่า “นี่ถือเป็นไอเดียที่ไม่เลวสำหรับการทำให้ *โทเคโนมิกส์(Tokenomics)* มีความยั่งยืนมากขึ้น” อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า “การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับเสียงของชุมชน” ปัจจุบันระบบเงินเฟ้อของเนียร์ออกแบบขึ้นเพื่อกระตุ้นให้มีการสเตกโทเคนมากยิ่งขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดคริปโตกำลังจับตามองเนียร์ในฐานะเหรียญที่มีศักยภาพรับช่วงขาขึ้น โดยเหรียญนี้มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.44 ล้านล้านวอน) มูลค่าซื้อขายใน 24 ชั่วโมงล่าสุดอยู่ที่ราว 186 ล้านดอลลาร์ และในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคาขยับขึ้นกว่า 5% โดยยืนเหนือระดับ 2.57 ดอลลาร์ ถือเป็นสัญญาณของ *การฟื้นตัวทางเทคนิค*
นักวิเคราะห์กราฟระบุว่า หากเนียร์สามารถทะลุแนวต้านหลักได้สำเร็จ อาจเปิดทางสำหรับแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ โดยในกราฟรายวันขณะนี้เริ่มมีรูปแบบ ‘หัวกลับหัวและไหล่กลับด้าน (Inverse Head and Shoulders)’ ปรากฏ ส่วนตัวชี้วัด MACD รายสัปดาห์ก็เพิ่งตัดสัญญาณเข้าสู่ภาวะ *ขาขึ้น*
ด้วยโครงสร้างการบริหารจัดการแบบ *กระจายอำนาจที่นำโดยชุมชน* ของเนียร์ ยังไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ข้อเสนอของ DWF แล็บส์จะพลิกทิศทางของโปรเจกต์ในอนาคต โดยการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อใหม่นั้น คาดว่าจะขึ้นอยู่กับผลการโหวตจากชุมชน หากกลยุทธ์ของกราเชฟสร้างแรงกดดันเชิงกลยุทธ์ได้ มีแนวโน้มว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอาจเกิดขึ้นจริงในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0