บิตคอยน์(BTC) ยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ต่างจับตาดูว่าเมื่อใดพฤติกรรมการขายของผู้ถือครองจะเปลี่ยนแปลง ล่าสุด ฮันเตอร์ ฮอร์สลีย์(Hunter Horsley) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบิทไวซ์(Bitwise) บริษัทบริหารสินทรัพย์คริปโตชื่อดัง แสดงความเห็นว่าหากบิตคอยน์ทะลุระดับ *13,0000–15,0000 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.8–2.08 ล้านบาท) ตลาดอาจเข้าสู่ ‘เฟสใหม่’ ที่การถือไว้นานจะกลายเป็นยุทธศาสตร์หลัก
ฮอร์สลีย์โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อไม่นานมานี้ว่า แม้ในปัจจุบันราคาบิตคอยน์จะเข้าใกล้แนวต้านจิตวิทยาที่ *100,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) แต่ยังคงมีนักลงทุนระยะยาวที่ทยอยขายบางส่วนอยู่ อย่างไรก็ตาม เขาประเมินว่า หากราคาทะลุแนวต้านเดิมและสร้างจุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนจะเริ่ม *ใช้สินทรัพย์คริปโตเป็นหลักประกันเพื่อลงทุนใหม่* แทนการขายโดยตรง
แนวโน้มนี้อาจส่งผลให้ *อุปทานในตลาดลดลง* และกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนราคาของบิตคอยน์ให้เพิ่มขึ้น ฮอร์สลีย์ให้ความเห็นว่า “ต่อไปจะหาบิตคอยน์ที่พร้อมขายได้ยากขึ้น” โดยแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นประกอบกับแรงขายที่ลดลงจะช่วยดันราคาไปต่อได้
ขณะเดียวกัน บรรยากาศในหมู่นักลงทุนรายย่อยเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน จากข้อมูลของบริษัทวิจัย ซานทิเมนต์(Santiment) พบว่า *การพูดถึงบิตคอยน์ในเชิงบวกบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า* เมื่อเทียบกับข้อความในเชิงลบ บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของความมั่นใจที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ *ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อราว 7 เดือนก่อน*
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าภาวะความมั่นใจที่ล้นเกินอาจเป็นสัญญาณของแนวต้าน โดยดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ (Fear & Greed Index) ล่าสุด อยู่ที่ระดับ *71* ซึ่งตีความได้ว่าเป็นระดับ ‘โลภ’ ตามเกณฑ์มาตรฐาน
แม้จะมีความเสี่ยงในระยะสั้น แต่นักลงทุนรายใหญ่และผู้ถือครองระยะยาวจำนวนมากยังคงเน้น *กลยุทธ์การสะสม* โดยข้อมูลระบุว่าการขายทำกำไรในแต่ละวันสูงถึง *930 ล้านดอลลาร์* (ราว 1.29 ล้านล้านบาท) ขณะที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจมหภาค เช่น *การเจรจาหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่หยุดชะงัก* กลับเพิ่มความน่าสนใจให้กับบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์หายากและเครื่องมือป้องกันมูลค่า
เมื่อตลาดเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างสู่การถือครองระยะยาวเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ภายใต้ภาวะอุปทานที่จำกัดและความต้องการที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ความเห็นจากหลายฝ่ายชี้ว่า *บิตคอยน์อาจอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ* หากสามารถทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาได้ นักลงทุนอาจเปลี่ยนวิธีการซื้อขายอย่างสิ้นเชิง และการเติบโตของตลาดก็อาจเข้าสู่ระยะใหม่อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0