ริชาร์ด เต็งชี้ คริปโตเตรียมเข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลักในทศวรรษหน้า

ริชาร์ด เต็ง(Richard Teng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์(BNB) ส่งสัญญาณสำคัญที่อาจเปลี่ยนทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต โดยเขากล่าวว่า “10 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคเปลี่ยนผ่านที่คริปโตจะกลายเป็นแกนกลางของระบบการเงินแบบดั้งเดิม” พร้อมเน้นว่า *การเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน* ได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังแล้ว

จากโพสต์บนโซเชียลมีเดียของเขา เต็งระบุว่า *สถาบันต่างๆ ไม่ได้ตั้งคำถามว่า ‘จะเข้าร่วมหรือไม่’ อีกต่อไป แต่พวกเขากำลังหาวิธีผนวกคริปโตเข้ากับระบบการดำเนินงานของตน* ความเห็นนี้สะท้อนให้เห็นว่า คริปโตไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสนใจอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นองค์ประกอบที่แทรกซึมเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานของการเงินในภาพรวม "ยุคของความหวือหวาและการเก็งกำไรอาจจะจบลง และแทนที่ด้วยยุคที่คริปโตและบล็อกเชนจะเข้ามาอยู่ในระบบการเงินอย่างลึกซึ้ง" เขาเสริม

ท่าทีของเต็งสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในระดับโลก เช่นกรณีของมูดี้ส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับนานาชาติ ที่ร่วมมือกับแพลตฟอร์มบล็อกเชนอย่างอัลฟาเลดเจอร์ ในการออก *พันธบัตรท้องถิ่นแบบโทเคนบนเครือข่ายโซลานา(SOL)* พร้อมให้ ‘อันดับความน่าเชื่อถือ’ แก่สินทรัพย์เหล่านั้น นี่จึงถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า *การเงินดั้งเดิมเริ่มปรับตัวรับโครงสร้างแบบบล็อกเชน* มากยิ่งขึ้น

ด้านสถาบันการเงินของสหรัฐอย่างสไตรฟ์ แอสเซท แมเนจเมนต์ เพิ่งระดมทุนได้กว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.04 หมื่นล้านบาท) และมีแผนจะขยายการถือครองสินทรัพย์เป็น 2 เท่าผ่านการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม บริษัทนี้มีชื่อเสียงจากการลงทุนใน *พันธบัตรบิตคอยน์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทล้มละลาย* อย่างมาวน์ท์กอกซ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของสถาบันเริ่มเพิ่มขึ้น

ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานของไมโครสแตรทิจี(MSTR) ระบุว่า “ฤดูหนาวของคริปโตสิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้คือช่วงขาขึ้นที่ขับเคลื่อนด้วยทุนสถาบัน” ด้านผลการสำรวจล่าสุดจาก *Coinbase* ยังพบว่า 83% ของนักลงทุนสถาบันมีแผน *จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนคริปโตในปี 2025* ซึ่งยิ่งตอกย้ำแนวโน้มที่กล่าวมาข้างต้น

คำกล่าวของเต็งไม่ได้เป็นแค่การคาดการณ์ แต่สะท้อนถึง ‘การเปลี่ยนผ่าน’ ที่เกิดขึ้นจริงแล้วในสนาม เขากำลังส่งสารไปยังตลาดว่า *สถาบันไม่ได้เพียงแค่ทดลองหรือพิจารณาอีกต่อไป แต่กำลังลงมืออย่างเต็มตัว* ซึ่งไม่ใช่เพียงข่าวดีชั่วคราวเท่านั้น แต่เป็น ‘การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย’ ที่คริปโตอาจกำลังก้าวเข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลักอย่างแท้จริง