ปากีสถานเดินหน้าสู่การเป็นประเทศ ‘เป็นมิตรต่อคริปโต’ อย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้แต่งตั้ง *ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor)* บุคคลที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้สนับสนุน *บิตคอยน์(BTC)* อย่างแข็งขัน เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของประเทศ เพื่อร่วมกำหนดแนวทางในการบูรณาการสินทรัพย์ดิจิทัลระดับชาติ
ตามรายงานของ Dawn เมื่อวันที่ 23 ไมเคิล เซย์เลอร์ ในฐานะประธานของบริษัทด้านการลงทุนในบิตคอยน์ชื่อ *สแตรทิจี(Strategy)* ได้พบกับ *มูฮัมหมัด เอารังก์เซบ(Muhammad Aurangzeb)* รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของปากีสถาน และ *บิรัล บิน ซากิบ(Bilal Bin Saqib)* รัฐมนตรีด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการใช้บิตคอยน์เป็น *ทุนสำรองของประเทศ* และการกำหนดกรอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง
เซย์เลอร์ระบุว่าเขาพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลักดันนโยบายด้านคริปโต พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของปากีสถานสามารถเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการเงินเชิงบล็อกเชน โดยเฉพาะการใช้บิตคอยน์เป็นฐาน เขาเน้นย้ำถึง ‘ภาวะผู้นำทางความคิด’ ที่จำเป็นในการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้
ในการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโซเชียล X ซึ่งโพสต์โดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง เซย์เลอร์กล่าวว่า *“ปากีสถานมีบุคลากรที่มีศักยภาพสูง และเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากบริษัททั่วโลก”* พร้อมยกตัวอย่างบริษัทของเขาเองในฐานะผู้เชื่อมั่นในบิตคอยน์ เขาเสริมว่า *“ตลาดจะรวมตัวกันรอบผู้นำที่ไว้ใจได้ และผมเห็นว่าปากีสถานมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำนักลงทุนในระดับโลก”*
บริษัท *สแตรทิจี* หรือที่เดิมคือ *ไมโครสแตรทิจี(MSTR)* เป็นองค์กรเอกชนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันครอบครองอยู่ราว 582,000 BTC หรือคิดเป็นมูลค่าราว *6.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 84.79 แสนล้านบาท) ทั้งนี้การเข้าซื้อเริ่มตั้งแต่กลางปี 2020 จนราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นกว่า *3,000%* ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี
รัฐบาลปากีสถานได้เผยเมื่อเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับแผนจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมคริปโตเข้าสู่ระบบกฎหมาย รวมถึงมีเป้าหมายจัดสรร *ทุนสำรองในรูปแบบบิตคอยน์* ซึ่งแสดงเจตจำนงเชิงบวกต่อการยอมรับเทคโนโลยีใหม่นี้
เซย์เลอร์แสดงความเห็นว่า *“ประเทศที่มีความชัดเจนและน่าเชื่อถือจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้อย่างเป็นธรรมชาติ”* พร้อมชี้ว่าปากีสถานมีศักยภาพที่จะเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลกใบใหม่
ด้านรัฐมนตรีซากิบ ถือว่าการพบปะกับเซย์เลอร์ในครั้งนี้เป็น *“จุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างกรอบนโยบายคริปโตอันเข้มแข็ง”* และอาจเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของปากีสถานในฐานะ *“ประเทศที่เปิดรับเว็บ 3 และบิตคอยน์”* ขณะที่รัฐมนตรีเอารังก์เซบก็กล่าวย้ำว่า ปากีสถานตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำใน *กลุ่มประเทศเกิดใหม่ทางซีกโลกใต้* ด้านการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล
ความคิดเห็น 0