โทเคนที่อิงกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฐานะหลักประกันในการเทรดแบบ ‘เลเวอเรจ’ บนตลาดคริปโต แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการขยายตัวแบบรวดเร็วของสินทรัพย์รูปแบบนี้อาจสร้าง *ความเสี่ยงเชิงระบบ* ให้กับโปรโตคอลการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ได้ในอนาคต
การแปลง *สินทรัพย์จริงให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัล* บนบล็อกเชน หรือที่เรียกว่า ‘โทเคนไนซ์ (Tokenize)’ กำลังกลายเป็นตัวเชื่อมระหว่างตลาดการเงินดั้งเดิมกับโลกของคริปโต หนึ่งในตัวอย่างชัดเจนคือ ‘พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา’ ที่ในปัจจุบันถูกแปลงสภาพให้อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลและถูกนำมาใช้งานคล้ายกับ *กองทุนตลาดเงิน (MMF)* เพื่อการลงทุนที่มั่นคง ปัจจุบัน โทเคนที่อิงพันธบัตรเหล่านี้มีมูลค่าตลาดรวมแล้วราว 7.4 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 10.2 ล้านล้านวอน
อย่างไรก็ดี บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ (Moody’s) ออกรายงานเตือนว่า “แม้กองทุนตลาดเงินแบบดั้งเดิมจะถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ความเสี่ยงอย่างสิ้นเชิง” โดยเฉพาะในกรณีของโทเคนที่อิงกับกองทุนประเภทนี้ มูดี้ส์ระบุว่ามีความเสี่ยงใหม่ที่เกิดจาก *เทคโนโลยี* ที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและยังไม่มีมาตรฐานชัดเจน
ประเด็นที่สร้างความกังวลมากที่สุดคือการที่โทเคนจากพันธบัตรถูกนำมาใช้เป็น *หลักประกันในการกู้ยืมเพื่อเทรดแบบเลเวอเรจ* กลไกของระบบนี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วน ‘LTV’ หรือการให้กู้ยืมตามมูลค่าหลักประกัน หากมูลค่าของหลักประกันลดต่ำลงเกินระดับที่กำหนด ผู้กู้จะถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ออกอัตโนมัติ หรือถูกเรียกเพิ่มหลักประกัน การที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกันในวงกว้าง อาจลุกลามจนกระทบทั้งระบบ DeFi ได้
แม้จะมีข้อดีในแง่ของ *สภาพคล่อง* และ *ประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์* แต่เมื่อมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นที่นำโทเคนเหล่านี้มาใช้เป็นหลักประกัน ก็อาจนำไปสู่แรงกระแทกต่อระบบที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เช่น กระแส *การเลือกตั้งประธานาธิบดีทรัมป์* ที่อาจทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น การพึ่งพาโทเคนเหล่านี้มากเกินไปอาจกลายเป็น *จุดเปราะบางใหม่* ของระบบสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์เตือนว่า ควรติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่บั่นทอนเสถียรภาพของตลาดคริปโตในภาพรวม
ความคิดเห็น 0