วุฒิสภาสหรัฐฯ ไฟเขียว 'กฎหมาย GENIUS' เตรียมควบรวมกับ 'CLARITY' สู่กรอบกำกับคริปโตแบบครบวงจร
กฎหมาย GENIUS ที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีความเคลื่อนไหวที่จะควบรวมกับกฎหมาย CLARITY ซึ่งถูกมองว่าเป็น *แนวทางกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลอย่างครอบคลุม* หากสองฉบับถูกรวมกันสำเร็จ จะถือเป็นการจัดระบบกรอบกฎหมายสำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน วุฒิสภามีมติเห็นชอบร่างกฎหมาย GENIUS ด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 23 ซึ่งนับเป็น *กฎหมายคริปโตระดับชาติเฉพาะฉบับแรกของสหรัฐฯ* โดยเนื้อหาครอบคลุมหลักเกณฑ์เบื้องต้นเกี่ยวกับ *สเตเบิลคอยน์* หากร่างนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่มีการแก้ไข จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีเพื่อเซ็นประกาศใช้ทันที อย่างไรก็ตาม ภายในสภาผู้แทนฯ มีแนวคิดที่จะรวมร่างนี้กับกฎหมาย CLARITY เพื่อให้เกิด *กรอบกฎหมายที่ครอบคลุมและชัดเจนยิ่งขึ้น*
ท็อม เอมเมอร์ สมาชิกสภาผู้แทนฯ จากพรรคเสียงข้างมาก ชี้ว่าความเป็นไปได้ที่กฎหมาย GENIUS จะผ่านออกมาใช้งานจริงนั้น *สูงขึ้นหากควบรวมกับ CLARITY* โดยกฎหมาย CLARITY ที่มีชื่อเต็มว่า “กฎหมายความชัดเจนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลปี 2025 (Digital Asset Market Clarity Act of 2025)” ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแล้ว และกำลังรอการลงมติโดยสมาชิกสภาทั้งหมด ร่างนี้ครอบคลุมถึงนิยามสินทรัพย์ดิจิทัล วิธีการซื้อขาย และโครงสร้างกลไกกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ
ตรงกันข้าม ประธานาธิบดีทรัมป์กลับแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า *ต้องการให้กฎหมาย GENIUS ถูกผลักดันออกมาเป็นรายฉบับโดยไม่ควบรวมกับ CLARITY* โดยระบุผ่าน Truth Social ว่า “กฎหมายนี้จะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็น *ผู้นำในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล* อย่างแท้จริง” พร้อมสะท้อนความเห็นว่าอเมริกาควรเป็นผู้นำในเวทีแข่งขันเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของทรัมป์ก็จุดประกายข้อกังขา เนื่องจากเคยมีรายงานว่าเขา *มีความเกี่ยวข้องกับโครงการสเตเบิลคอยน์ของบริษัท World Liberty Financial* ในอดีต สมาชิกสภาบางรายแสดงความกังวลเรื่อง *ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของนักการเมือง* ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน อดัม ชิฟฟ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นร่างกฎหมายชื่อ “กฎหมาย COIN” เพื่อ *จำกัดไม่ให้ประธานาธิบดีและครอบครัวใกล้ชิดแสวงหาผลประโยชน์จากคริปโตขณะดำรงตำแหน่ง* ซึ่งถือเป็นความพยายามลดความเสี่ยงทางการเมือง
จุดประสงค์หลักของความเคลื่อนไหวทางกฎหมายเหล่านี้ คือ *การรวมศูนย์ระบบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันกระจัดกระจายตามกฎหมายในระดับรัฐ* เพื่อสนับสนุนให้โครงการและบริษัทหน้าใหม่ดำเนินธุรกิจได้ภายใต้เงื่อนไขที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน แม้มีผู้ประกอบการบางรายกังวลว่าการกำกับดูแลอาจสร้างภาระให้กับสตาร์ตอัป แต่ในภาพรวม อุตสาหกรรมกลับ *ต้อนรับการกำหนดกรอบกฎหมายที่ชัดเจน* ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการลงทุนในระยะยาว
หากสภาผู้แทนราษฎรสามารถผลักดันร่างกฎหมายฉบับรวม GENIUS-CLARITY ให้ผ่านออกมาได้สำเร็จ สหรัฐฯ จะสามารถลดความคลุมเครือของอุตสาหกรรมคริปโต และอาจก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลกอีกครั้ง โดยผู้ใช้งานและนักลงทุนก็มีแนวโน้มจะได้รับ *สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น* ในการทำธุรกรรมของตนเอง.
ความคิดเห็น 0