กองทุน ETF ที่อิงกับการสเตกกิ้งบนเครือข่ายโซลานา(SOL) ตัวแรกของสหรัฐฯ กำลังสร้างความตื่นตัวอย่างมากในตลาด หลังเปิดตัวด้วยมูลค่าซื้อขายในวันแรกที่สูงเกินความคาดหมาย โดย *REX-Osprey Solana + Staking ETF (SSK)* เปิดทำการซื้อขายเป็นครั้งแรกและมียอดซื้อขายสูงถึง 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 458 ล้านบาท) ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 24 โดยนักวิเคราะห์ ETF อย่าง เอริก บัลชูนาส(Eric Balchunas) ระบุว่า ตัวเลขนี้เหนือกว่าผลตอบรับของกองทุนที่ลงทุนในโซลานาและริปเปิล(XRP) แบบฟิวเจอร์สซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีนี้
แม้จะไม่ใช่กองทุนแบบ ‘สปอต’ หรือซื้อขายโทเคนตรงๆ แต่ SSK ETF ได้เลือกใช้โครงสร้างกฎหมาย C Corporation ที่ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง *ผลตอบแทนจากการสเตกกิ้ง* ของโซลานาได้โดยไม่ต้องถือโทเคนด้วยตนเอง ซึ่งนับเป็นทางออกใหม่ที่หลีกเลี่ยงขั้นตอนการอนุมัติแบบเดิมจาก SEC โดยตรง โครงสร้างเชิงกฎหมายนี้กลายเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนในวงกว้าง และช่วยดันสภาพคล่องของกองทุนให้เติบโตอย่างรวดเร็วในระยะสั้น *ความคิดเห็น: กลยุทธ์แบบนี้อาจกลายเป็นต้นแบบใหม่สำหรับกองทุนในอนาคต*
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับ ETF แบบสปอตของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) แล้ว ปริมาณซื้อขายของ SSK ยังถือว่าน้อยกว่าอย่างชัดเจน โดยบิตคอยน์ ETF ที่เริ่มซื้อขายเมื่อวันที่ 11 มกราคม ทำยอดซื้อขายวันแรกได้ถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.39 แสนล้านบาท) ขณะที่อีเธอเรียม ETF ก็ทำได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 แสนล้านบาท)
การเปิดตัวของ SSK ETF ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึง *ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ทางการเงินบนคริปโตที่หลากหลายยิ่งขึ้น* แต่นักลงทุนบางรายยังคงรอคอย ‘ETF โซลานาแบบสปอต’ อย่างแท้จริงอยู่ โดยในขณะนี้บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างแฟรงคลิน เทมเพิลตัน และบิตไวส์ กำลังเตรียมยื่นคำขออนุมัติกองทุนแบบดังกล่าวกับสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ หรือ SEC นักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติภายในปีนี้มีสูงถึง 95% และหากทันภายในสิ้นปีนี้ ตลาดจะเริ่มเปรียบเทียบศักยภาพของ ETF ตัวใหม่กับสินค้าทางเลือกอื่นๆ ได้อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมชี้ว่า กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่และสถาบันที่ต้องการรวมรายได้จากการสเตกกิ้งเข้ากับพอร์ตการลงทุนของตน อาจยังคงให้ความสนใจกองทุน SSK อย่างต่อเนื่องในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อโซลานายังคงได้เปรียบในด้าน *ความเร็วของเครือข่าย* และ *ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ* ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่หนุนให้โซลานายังคงน่าสนใจในระยะยาว อนาคตของ ETF โซลานาจึงอาจกลายเป็น *ตัวแปรใหม่ในสมการของตลาดคริปโต ETF* ได้อย่างไม่ยาก หาก SEC มีแนวโน้มตอบรับเชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทางเลือกอย่างจริงจังต่อไป
ความคิดเห็น 0