เฮลิอุม(Helium) เผยผลงานโดดเด่นในไตรมาสแรกปี 2025 ด้วยจำนวนผู้ใช้งานและพันธมิตรทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอกย้ำบทบาทในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารไร้สายแบบกระจายศูนย์ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยรายงานของ *เมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research)* เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า ปริมาณการส่งข้อมูลแบบออฟโหลดทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึง 138.6% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 1,140.9 เทราไบต์
หลังจากย้ายระบบจากเชน Layer-1 เดิมไปยังโซลานา(SOL) ได้สำเร็จ เฮลิอุมจึงเดินหน้าพัฒนาเป็นเครือข่ายคู่เพื่อรองรับ *อุปกรณ์ IoT และข้อมูลเซลลูลาร์พลังงานต่ำ* โดยเฉพาะโครงการ ‘แคร์ริเออร์ ออฟโหลด’ ที่ร่วมมือกับผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง *AT&T* และ *โมวิสตาร์(Movistar)* ส่งผลให้การใช้งานผ่านฮอตสปอตของชุมชนพุ่งสูง สะท้อนถึงการผสานระหว่างผู้ใช้ทั่วไปและเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ที่แข็งแกร่งขึ้น
ด้านจำนวนผู้ใช้งาน *เมซซารี รีเสิร์ช* รายงานว่า มีบัญชีใหม่บน Helium Mobile เกิดขึ้น 160,300 บัญชี เพิ่มขึ้น 28.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกเหนือจากขยายเครือข่าย เฮลิอุมยังสร้างกลยุทธ์ ‘ต้นทุนต่ำแต่มีแรงจูงใจ’ ด้วยแพ็กเกจราคาเริ่ม 0 ดอลลาร์ และระบบรางวัล *คลาวด์พอยต์* เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าสู่ระบบ
ในเชิงเทคโนโลยี เฮลิอุมยังโชว์ตัวเลขน่าประทับใจ โดยจำนวนฮอตสปอตที่เชื่อมต่อใหม่เพิ่มขึ้น 90.6% แตะ 63,806 จุด ขณะที่ปริมาณทราฟฟิกจากการใช้งานแบบชำระค่าบริการถึง 3,644 เทราไบต์ เพิ่มขึ้น 42.5% พร้อมกันนี้การขยายโครงข่าย IoT ยังรุกพื้นที่อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโมเดล *การพิสูจน์พื้นที่ให้บริการ (Proof of Coverage)* เป็นกลไกสำคัญดึงผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมในการปล่อยสัญญาณ
อย่างไรก็ดี มูลค่าของเฮลิอุมโทเคน(HNT) กลับไม่สดใสนัก โดยในไตรมาสแรก มูลค่าตลาดของ HNT ลดลง 47.1% เหลือ 545.7 ล้านดอลลาร์ ส่วนราคาตกลงไปอยู่ที่ 3.04 ดอลลาร์ หรือร่วง 48.3% HNT ยังคงถูกใช้เพื่อซื้อเครดิตข้อมูล (Data Credits) และใช้ในระบบโหวตของแพลตฟอร์ม แม้ราคาเคลื่อนไหวเชิงลบ แต่ *ความคิดเห็น* นักวิเคราะห์มองว่า ความต้องการใช้งานจริงของเครือข่ายยังคงเป็นปัจจัยหนุนโทเคนในระยะยาว
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกด้านคือ *การรวมศูนย์การกำกับดูแล* ตามข้อเสนอ HIP-141 ที่ลดความซับซ้อนจากระบบโทเคนหลายตัว เหลือเพียงโทเคน HNT โดยใช้งานล็อก HNT เพื่อสร้าง veHNT เพื่อเข้าร่วมโหวต นับเป็นก้าวสำคัญสู่การเพิ่ม *ความโปร่งใสและประสิทธิภาพ* ในการตัดสินใจภายในระบบ
นอกจากนั้น เฮลิอุมยังลดกำแพงด้านเทคนิคเพื่อขยายฐานผู้ใช้งาน ทั้งการเปิดตัวโปรแกรม ‘เฮลิอุมพลัส’ ที่เปิดมาตรฐานให้ใช้งานผ่าน Wi-Fi ได้ และแคมเปญ ‘เทรดอัป’ ที่สนับสนุนให้อัปเกรดฮาร์ดแวร์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
ผลการดำเนินงานภาพรวมตลอดไตรมาสนี้ ไม่เพียงแสดงถึง *การเติบโตของกิจกรรมบนเครือข่าย* แต่ยังสะท้อนความเป็นไปได้ที่เฮลิอุมจะเป็น *โครงสร้างพื้นฐานสื่อสารไร้สายแบบกระจายศูนย์* ที่สามารถเข้ามาเสริม หรือทดแทนระบบดั้งเดิมในอนาคต จุดแข็งของเฮลิอุมอย่างโครงสร้างราคาที่ต่ำ ความสามารถในการขยายผู้ใช้งานอย่างรวดเร็ว และโมเดลชุมชนที่สร้างและบริหารเครือข่ายเอง เป็นข้อได้เปรียบที่ยากจะมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อถูกรวมเข้ากับระบบกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0