แม้ว่า ริปเปิล(XRP) จะปรับตัวลดลงประมาณ 2.5% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่สกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวกลับบวกขึ้นราว 6% เมื่อดูในช่วงสัปดาห์ ส่งผลให้มุมมอง ‘แข็งแกร่งขึ้น’ ยังคงเป็นทิศทางหลักของตลาดในขณะนี้ โดยนักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า XRP มีแนวโน้มจะไต่ขึ้นถึง 2.65 ดอลลาร์ในระยะสั้น และอาจแตะระดับสูงสุดที่ 30 ดอลลาร์ในระยะยาว
ตามมุมมองจากเทรดเดอร์นามว่า World of Charts คาดว่า XRP ได้สร้างรูปแบบทางเทคนิคในลักษณะขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ และมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะทะลุ 3 ดอลลาร์ได้ภายในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ชื่อ Maxi ยังเล็งเห็นโอกาสที่ XRP อาจทำราคาพุ่งขึ้นถึง 1,200% คล้ายช่วงปลายปี 2017 ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับสูงใหม่ที่ 30 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ของการเติบโตในลักษณะนั้นยังถูกมองว่า ‘ค่อนข้างต่ำ’ จากนักลงทุนบางกลุ่ม
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์สายระมัดระวังมากขึ้นอย่าง อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) ให้ความเห็นว่าราคา XRP มีโอกาสปรับขึ้น 15% หากราคาเคลื่อนตัวตามโครงสร้างแบบ 'Inverse Head and Shoulders' ส่วนผู้ใช้นาม Crypto Beast ระบุว่าหากตลาด อีเธอเรียม(ETH) กลับมา ‘แข็งแกร่ง’ อย่างต่อเนื่อง XRP อาจเพิ่มขึ้นได้ถึงสามเท่าจากระดับปัจจุบัน
ด้านไบแนนซ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายคริปโตระดับโลก ก็มีการอัปเดตครั้งสำคัญในระยะนี้ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทได้เพิ่มสินทรัพย์ใหม่ ได้แก่ นิวตันโปรโตคอล และซาฮาราเอไอ ในโปรแกรมวีไอพีสำหรับการให้ยืม แต่เมื่อเริ่มต้นซื้อขาย ทั้งสองเหรียญเผชิญกับแรงขายหนักจนมีราคาลดลงมาก นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังได้ถอดคู่เทรดบางรายการออก เช่น ACT/EUR และ FIO/BTC โดยเฉพาะในกรณีของ FIO ราคาลดลงเกือบ 8% หลังสภาพคล่องหดตัวอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของบริการสเตกกิ้ง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ไบแนนซ์ประกาศสนับสนุนการฝากสินทรัพย์ที่อยู่บนเครือข่าย โซลานา(SOL) เช่น sBNSOL และ bzSOL โดยให้อัตราผลตอบแทนประจำปีอยู่ที่ 6.5% พร้อมระบุว่าโทเคน LAYER, ACE, และ DYM จะถูก ‘แอร์ดรอป’ ให้กับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ไบแนนซ์ระบุด้วยว่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในไม่ช้านี้
ขณะที่ บิตคอยน์(BTC) ยังคงเป็นประเด็นหลักในตลาด จากราคาที่เคยแตะใกล้ระดับสูงสุดใหม่ที่ 112,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ก่อนจะปรับฐานลง และปิดไตรมาสที่ 107,500 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็น ‘ระดับปิดรายไตรมาส’ ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดราคากำลังซื้อขายอยู่ราว 109,000 ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์อย่าง CRYPTOWZRD เชื่อว่าหาก BTC ทะลุ 110,500 ดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสเดินหน้าสู่ระดับ 120,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลจากฝั่งนักวิเคราะห์บางราย โดย อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์ ให้ความเห็นว่า หากรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันกฎหมาย ‘Big Beautiful Bill’ ให้กระทรวงการคลังสหรัฐออกพันธบัตรใหม่ อาจส่งผลให้เกิดภาวะดูดซับสภาพคล่อง และฉุดราคาบิตคอยน์ลงมาแถว 90,000 ดอลลาร์ในช่วงสั้น อย่างไรก็ตาม เขายังคงเชื่อว่าภาพรวมในระยะยาวของ BTC ยังเป็น ‘ขาขึ้น’ อยู่
*คำสำคัญ: XRP, บิตคอยน์, ไบแนนซ์, ราคาเหรียญ, เทรนด์ตลาดคริปโต*
ความคิดเห็น 0