ตลาดคริปโตถูกเขย่าอีกครั้ง หลังจาก *บิตคอยน์(BTC)* จำนวนมหาศาลกว่า 80,000 BTC หรือราว 1.1 ล้านล้านวอน ถูกย้ายออกจากกระเป๋าเงินที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นยุคแรกเริ่มของบิตคอยน์ที่มักถูกเรียกว่า *“ยุคซาโตชิ”* จุดที่น่าตกใจ คือยังไม่ทราบได้แน่ชัดว่าใครอยู่เบื้องหลังการโอนในครั้งนี้
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม (เวลาท้องถิ่น) จากกระเป๋าเงินเก่าทั้งหมดแปดใบที่ไม่ได้ใช้งานมานาน ในจำนวนนี้มีสองกระเป๋าที่ถืออยู่ถึง 20,000 BTC ต่อตัว ส่วนที่เหลืออีกหกใบก็มีจำนวนที่มากพอสมควร โดยมีการประเมินว่าเหรียญเหล่านี้ถูกขุดขึ้นในช่วงที่บิตคอยน์มีมูลค่าน้อยกว่า 1 ดอลลาร์ ทำให้มูลค่าปัจจุบันของมันพุ่งสูงถึงระดับที่เรียกว่า *“มหาศาล”*
แพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชน *‘อาร์คัม’ (Arkham)* ให้ความเห็นว่า ที่อยู่อีกที่เกิดการเคลื่อนไห่นั้นมีแนวโน้มว่าจะถูกควบคุมโดยบุคคลเดียวกัน โดยอ้างอิงจากรูปแบบที่อยู่ใหม่ที่ใช้ในครั้งนี้ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำ และสิ่งที่ยิ่งเพิ่มความลึกลับก็คือ บิตคอยน์เหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งไปยังตลาดซื้อขายใด ๆ แต่ย้ายไปยัง ‘กระเป๋าเงินใหม่’ เท่านั้น
*คอนเนอร์ โกรแกน(Conor Grogan)* หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ *คอยน์เบส(Coinbase)* ได้แสดงความเห็นว่า “มีความเป็นไปได้ว่าการโอนนี้อาจเกี่ยวข้องกับการแฮ็ก” โดยเขาระบุว่า เพียง 14 ชั่วโมงก่อนการโอนครั้งใหญ่ จะเห็นว่ามีการส่ง *บิตคอยน์แคช(BCH)* จำนวนเล็ก ๆ จาก ‘วาฬ’ รายหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเพียงการทดสอบว่ากุญแจส่วนตัวยังใช้งานได้จริง ก่อนดำเนินการย้ายเหรียญจำนวนมาก
แม้โกรแกนจะย้ำว่า การวิเคราะห์ดังกล่าวยังเป็นเพียงการตั้งสมมุติฐาน แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธว่า “หากการแฮ็กเกิดขึ้นจริง จะนับเป็นหนึ่งใน *เหตุการณ์ขโมยเหรียญครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต*” โดยข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ย้ายคอยน์ยังไม่เปิดเผยตัว ยิ่งจุดกระแสความกังวลไปทั่ววงการ
ขณะที่ราคาบิตคอยน์กำลังเดินหน้าเข้าใกล้จุดสูงสุด เหตุการณ์นี้จึงเป็นการเตือนให้นักลงทุนกลับมาทบทวนถึง *ความสำคัญของความปลอดภัย* และ *ความโปร่งใสที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ของบล็อกเชน* เมื่อเหรียญที่หลับใหลนานถึง 14 ปีถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ใครจะเป็นคนต่อไป? นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0