บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาต่อเนื่อง แม้จะมีการไหลเข้าของกองทุน ETF แบบสปอตในระดับสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 55,000 ล้านบาท) ติดต่อกันเป็นวันที่สอง โดยนักลงทุนยังคงแสดงความกังวล ขณะที่เงินทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่กองทุน ETF บนตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ราคาบิตคอยน์กลับไม่สามารถตอบสนองในเชิงบวกได้
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) บิตคอยน์พยายามทะลุแนวต้านบริเวณ 73,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 ล้านบาท) แต่ไม่สำเร็จ จนร่วงลงไปแตะระดับ 70,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) ในวันถัดมา แม้การเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์จะไม่รุนแรงนัก แต่การ ‘ลดลง 2.8%’ ท่ามกลางปัจจัยบวกอย่างการไหลเข้าของ ETF สะท้อนถึง ‘จิตวิทยาตลาด’ ที่เริ่มเปราะบาง
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า หนึ่งในปัจจัยกดดันราคามาจาก ‘การเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินบิตคอยน์เก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2011’ โดยกระเป๋าเหล่านี้ได้โอนคริปโตมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ออกมา ซึ่งแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นการเตรียมขายจริง แต่ ‘สะท้อนแรงสั่นสะเทือนทางจิตวิทยา’ ต่อผู้ลงทุนในวงกว้าง
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากสหรัฐโดยเฉพาะเรื่อง ‘นโยบายภาษีนำเข้า’ ที่เข้มงวดขึ้น และ ‘การขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น’ ก็เป็นอีกปัจจัยลบที่กดดันบิตคอยน์ ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่เริ่มกลับมาร้อนแรง นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับ ‘การใช้จ่ายของรัฐบาล’ ซึ่งขัดแย้งกับแนวโน้มการผ่อนคลายเชิงนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลต่อความเสี่ยงในสินทรัพย์ดิจิทัล
แม้ว่าการไหลเข้าของ ETF จะเป็น ‘สัญญาณบวก’ สำหรับตลาดในระยะยาว แต่ในระยะสั้นปัจจัยทางเทคนิคและ ‘ตัวแปรเศรษฐกิจมหภาค’ กลับเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากกว่า ความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในช่วงต่อจากนี้จึงน่าจะขึ้นอยู่กับ ‘ท่าทีของนโยบายการคลังสหรัฐ’ และสัญญาณจากเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก
ความคิดเห็น 0