กระเป๋าเงินอีเธอเรียม(ETH) ที่เงียบหายไปเกือบ 10 ปี เพิ่งกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง สร้างความสนใจให้กับวงการคริปโตอย่างมาก ตามข้อมูลระบุว่า กระเป๋าดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในช่วงการเสนอขายเหรียญครั้งแรก (ICO) ของอีเธอเรียมเมื่อปี 2015 โดยในขณะนั้นถือครองอีเธอเรียมอยู่ 900 ETH คิดเป็นมูลค่าเพียงประมาณ 279 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 38,000 บาท อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2,541 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ทำให้มูลค่ารวมของเหรียญในกระเป๋านี้พุ่งสูงถึงราว 7.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนกว่า 9,800 เท่า
กระเป๋าดังกล่าวถูกระบุว่าเป็น ‘กระเป๋าครั้งแรกก่อนเปิดตัว’ หรือที่เรียกว่า ‘พรีไมน์ (pre-mine)’ ซึ่งมักหมายถึงเหรียญที่ถูกแจกจ่ายให้กับทีมพัฒนาและนักลงทุนกลุ่มแรกก่อนจะมีการปล่อยเหรียญสู่สาธารณะ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ถือครองรายนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแรกของระบบนิเวศอีเธอเรียม
ในแง่ตลาด ความเคลื่อนไหวของกระเป๋าวาฬที่เคยนอนนิ่งมานานเช่นนี้ มักสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับที่สามารถกระตุ้นความผันผวนของราคาได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่อีเธอเรียมมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,541 ดอลลาร์ หรือราว 3.53 ล้านบาทต่อ ETH หากเจ้าของกระเป๋านำเหรียญออกขาย ก็อาจกดดันราคาลงได้ในระยะสั้น
ทั้งนี้ กรณีที่มีผู้ลงทุนระยะยาวซึ่งสามารถรักษาเหรียญไว้ข้ามเวลาหลายปีและปล่อยออกมาพร้อมสร้างผลตอบแทนมหาศาลไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน นักลงทุนรายหนึ่งก็เคลื่อนย้ายบิตคอยน์ที่ถือไว้มานานจนกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในตลาด ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นว่า “ความเคลื่อนไหวของกระเป๋าวาฬเช่นนี้อาจไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเป็นเงินสดเท่านั้น แต่สามารถเป็นสัญญาณของการจัดสรรพอร์ตใหม่ด้วยเช่นกัน” พร้อมย้ำว่านักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก แต่ควรประเมินตามกลยุทธ์
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เพิ่งมีการเคลื่อนย้ายอีเธอเรียมมูลค่าราว 218,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.02 ล้านบาท ไปยังกระดานซื้อขายคริปโต Coinbase(COIN) ทำให้แนวโน้มการเคลื่อนไหวของอีเธอเรียมจำนวนมากมีแนวโน้มส่งผลต่อสภาพจิตวิทยาตลาดในช่วงนี้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาแนวโน้มความต้องการในระยะยาวและโครงสร้างตลาดในการตัดสินใจมากกว่าความเคลื่อนไหวระยะสั้น
ความคิดเห็น 0