Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ภาคธุรกิจเร่งซื้อบิตคอยน์(BTC) สะท้อนจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของโลกการเงิน

ภาคธุรกิจเร่งซื้อบิตคอยน์(BTC) สะท้อนจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของโลกการเงิน / Tokenpost

การแข่งขันในการสะสมบิตคอยน์(BTC)ของภาคธุรกิจเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังโครงสร้างของระบบการเงินดั้งเดิม โดยนักวิเคราะห์สายคริปโตอย่าง อดัม ลิฟวิงสตัน(Adam Livingston) ระบุว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการเพิ่มขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ แต่เป็น ‘จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์’ ของโลกการเงิน”

ลิฟวิงสตันกล่าวผ่าน X (ชื่อเดิม ทวิตเตอร์) ว่าการที่บริษัทต่าง ๆ ดูดซับปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกขุดออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นสัญญาณของการ ‘ร้าวราน’ ที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจที่ยึดโยงกับเงินเฟียต เขาระบุว่า ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่มีชื่อในตลาดหลักทรัพย์ถือครองบิตคอยน์มากถึง 858,850 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 93,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 129.27 ล้านล้านวอน คิดเป็นประมาณ 4.09% ของปริมาณเหรียญที่หมุนเวียนทั้งหมด

ผู้นำเทรนด์นี้คือ บริษัทไมโครสเตรทิจี(MSTR) ซึ่งถือครองบิตคอยน์มากถึง 597,325 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 64,900 ล้านดอลลาร์ หรือ 90.21 ล้านล้านวอน โดยโมเดลธุรกิจของบริษัทคือการระดมทุนผ่านการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำไปซื้อบิตคอยน์ ก่อนจะสะท้อนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นนี้กลับเข้าสู่ราคาหุ้น ลิฟวิงสตันเรียกกลยุทธ์นี้ว่า ‘วงล้อเร่งบิตคอยน์ (Bitcoin Flywheel)’ พร้อมวิจารณ์ว่าแม้จะเกิดการลดสัดส่วนหุ้นผ่านการออกเพิ่ม แต่กลับไม่ได้ลดทอนมูลค่าบริษัทลง กลับกัน โมเดลนี้กำลังบ่อนทำลายบทบาทของสกุลเงินดั้งเดิมอย่างชัดเจน

อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้บิตคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์หายากมากขึ้นคือการลดลงของรางวัลบล็อกจากกระบวนการขุด โดยล่าสุดลดลงเหลือเพียง 3.125 BTC ต่อบล็อก และจะลดลงอีกครั้งในปี 2028 นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าผู้ขุดหลายรายเลือกที่จะ ‘ถือ’ เหรียญไว้มากกว่าขายออกเพื่อรักษากำไร ทำให้ปริมาณหมุนเวียนยิ่งตึงตัว

ลิฟวิงสตันยังส่งสัญญาณเตือนไปยังระดับสินทรัพย์ในบัญชีของกระดานเทรด โดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาดคริปโตคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่าขณะนี้บิตคอยน์ที่อยู่ในกระดานเทรดลดลงเหลือเพียง 2.4 ล้านเหรียญเท่านั้น หากการสะสมโดยบริษัทและนักลงทุนยังคงดำเนินต่อ ปริมาณที่เหลือในตลาดอาจหมดลงภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

สำหรับลิฟวิงสตัน ปรากฏการณ์เหล่านี้อาจตีความได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการ ‘ไฮเปอร์บิตคอยไนเซชัน (Hyperbitcoinization)’ หรือการที่บิตคอยน์ค่อย ๆ แทรกแทนค่าเงินเฟียตในฐานะ ‘ตัวเก็บมูลค่าหลัก’ เขาเชื่อว่าหากกฎระเบียบเปิดช่องให้บริษัทต่าง ๆ สามารถใช้ BTC เป็นสินทรัพย์ในการบริหารการเงินได้อย่างชัดเจน จะยิ่งกระตุ้นให้กลุ่มทุนรายอื่น ๆ เข้าร่วมวงการนี้ และเมื่อถึงเวลานั้น “โอกาสที่เคยมีแค่ในกลุ่มเล็ก ๆ จะปิดตายอย่างถาวร”

อีกหนึ่งความกังวลคือ ภาวะที่นักลงทุนสถาบันเข้าครอบครอง BTC อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้รายย่อยไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์นี้ได้ แม้ในระดับราคาใด ๆ ก็ตาม เพราะเมื่อบรรดาผู้อำนวยการการเงิน (CFO) มอง BTC เป็น ‘สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์’ ภูมิทัศน์ของการบริหารการเงินก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อปริมาณบิตคอยน์ในกระดานเทรดลดลง รางวัลจากการขุดเหรียญลดลง และบริษัทเริ่มเข้าซื้อในระดับสูง กลไกทั้งระบบกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่: ความต้องการที่พุ่งสูงดั่งลูกโป่ง อุปทานหายาก และระเบียบการเงินที่เริ่มสั่นคลอน คำถามจึงไม่ใช่ “บิตคอยน์จะขึ้นไปถึง 100,000 หรือ 500,000 ดอลลาร์หรือไม่” อีกต่อไป แต่กลายเป็น “เราจะตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอันเริ่มต้นขึ้นนี้ได้รวดเร็วแค่ไหน?”

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1