อีเธอเรียม(ETH) ยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวกหลังจากดีดตัวกลับจากแนวรับที่ระดับ 2,220 ดอลลาร์ โดยล่าสุดราคายืนแข็งอยู่เหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ สอดคล้องกับแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางตามสัญญาณทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม การเข้าใกล้ระดับแนวต้านสำคัญอาจจำเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนระยะสั้น
เมื่อพิจารณาจากกราฟรายวัน ราคาของอีเธอเรียมสามารถกลับมายืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่บริเวณ 2,400 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง โดยหลังจากที่ราคาเคยพุ่งขึ้นไปแตะใกล้ 2,800 ดอลลาร์ ในช่วงก่อนหน้านี้และถูกขายทำกำไรลงมา ปัจจุบันเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกรอบที่โซนใกล้ 2,600 ดอลลาร์ ถ้าหากราคาปิดรายวันยืนเหนือ 2,700 ดอลลาร์ได้สำเร็จ เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ระดับแนวต้านสำคัญที่ 2,880 ดอลลาร์ และอาจเปิดทางไปสู่การทดสอบแนวจิตวิทยาหลักอย่าง 3,000 ดอลลาร์
ในกราฟ 4 ชั่วโมง มีการก่อตัวของรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมลิ่มขาขึ้น’ (ascending wedge) ซึ่งเป็นรูปแบบที่โดยทั่วไปบ่งชี้ถึงแรงซื้อ แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนความเป็นไปได้ของการปรับฐาน ราคาขณะนี้กำลังเผชิญแรงขายใกล้ระดับต้านที่ 2,700 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดชี้ชะตาสำคัญสำหรับทิศทางระยะสั้น หากราคาหลุดแนวรับโซน 2,500–2,550 ดอลลาร์ อาจถอยลงไปยังโซนสภาพคล่องใกล้ระดับ 2,300 ดอลลาร์ ได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน หากราคาสามารถทะลุแนวต้าน 2,700 ดอลลาร์ได้พร้อมด้วยปริมาณการซื้อที่แข็งแกร่ง ก็อาจเป็นการสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบลิ่มได้ถูกทำลาย และการขึ้นต่อสามารถเกิดขึ้นได้
ด้านข้อมูลออนเชนก็แสดงภาพที่เป็นบวก โดยพบว่าจำนวนเหรียญอีเธอเรียมที่ถืออยู่ในกระดานแลกเปลี่ยนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 18.93 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ทั้งนี้การที่ผู้ใช้นำเหรียญออกไปเก็บไว้นอกตลาด แสดงถึงความเชื่อมั่นในระยะยาว และลดแรงกดดันจากฝั่งขายในระยะสั้น ‘ความคิดเห็น’ การลดลงของอุปทานในตลาดแลกเปลี่ยนมักเป็นสัญญาณบวกต่อราคาในอนาคต
แม้ว่าภาพรวมตลาดจะเริ่มเปลี่ยนเป็นเชิงบวกมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี แรงซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่และกลุ่มวาฬยังไม่ชัดเจนนัก การเกิดการเบรกขึ้นเหนือแนวต้านจากสัญญาณราคาจะต้องได้รับแรงหนุนจากการปิดสถานะชอร์ตและความต้องการซื้อในตลาดสปอต
โดยสรุป แม้เงื่อนไขของแนวโน้มขาขึ้นกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่อีเธอเรียมยังคงต้องพึ่งพาปัจจัยกระตุ้นภายนอกเพื่อเดินหน้าสู่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นใจ การประสานระหว่างสัญญาณทางเทคนิคและข้อมูลออนเชนจะเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของราคาต่อไป
ความคิดเห็น 0