บิตคอยน์(BTC) เดินหน้าทำสถิติใหม่หลังจากที่ถูกขุดไปแล้วกว่า 95% จากจำนวนทั้งหมดที่สามารถมีได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของสกุลเงินดิจิทัลนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเกิด ‘ช็อกทางอุปทาน’ หรือ supply shock ที่หลายฝ่ายคาดไว้ อาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของระบบบิตคอยน์
จากข้อมูล บิตคอยน์มีจำนวนจำกัดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ โดยถูกขุดไปแล้วประมาณ 19.95 ล้านเหรียญ และเหรียญที่เหลือเพียง 1.05 ล้านเหรียญจะทยอยถูกขุดจนถึงปี 2140 ซึ่งระบบของบิตคอยน์มีกลไกการลดรางวัลเรียกว่า ‘การลดลงครึ่งหนึ่ง’ หรือ halving ในทุก ๆ 4 ปี ส่งผลให้รางวัลจากการขุดลดลงเรื่อย ๆ เช่น ในปี 2028 คาดว่ารางวัลจะเหลือเพียง 1.56 BTC และในปี 2032 จำนวนบิตคอยน์ที่ถูกขุดน่าจะถึง 97.5% ของทั้งหมด ก่อนขยับขึ้นเป็น 99% ในปี 2040
แม้การขุดจะค่อย ๆ ใกล้ถึงขีดสุด แต่ตลาดบิตคอยน์อาจไม่ได้ตอบรับการจำกัดอุปทานอย่างรุนแรงในทันที เนื่องจาก ‘ความหายาก’ ของบิตคอยน์ได้ถูกสะท้อนในราคาไปแล้วในระดับหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดการณ์ว่ามีบิตคอยน์ประมาณ 3–4 ล้านเหรียญที่หายไปจากระบบอย่างถาวรจากการลืมหรือสูญเสียคีย์ส่วนตัว อีกทั้งมากกว่า 70% ของเหรียญทั้งหมดยังไม่ได้เคลื่อนไหวภายในระยะเวลา 1 ปี และน่าจะถูกถือโดยนักลงทุนระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ผู้ออกกองทุน ETF และสถาบันดูแลสินทรัพย์ (custodian) ก็กำลังดูดซับบิตคอยน์จากตลาดเข้าไปไว้ในพอร์ตของตน แทนที่จะปล่อยเข้าสู่ระบบหมุนเวียน จึงยิ่งทำให้ปริมาณที่พร้อมซื้อขายในตลาดมีอยู่อย่างจำกัด นอกจากนี้ การขุดในปัจจุบันไม่ได้มองว่าเป็นการเพิ่มซัพพลายเพื่อขายในตลาดเหมือนในอดีต แต่กลายเป็นระบบเพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการจ่ายรางวัลระยะยาว
โดยสรุป ตลาดบิตคอยน์กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของ ‘เกมการขุด’ มาเป็นยุคของ ‘อุปทานคงที่และความต้องการที่ทวีคูณ’ ซึ่งหมายความว่า การที่บิตคอยน์ถูกขุดไปแล้วเกือบหมด สะท้อนได้ว่าราคาจะขึ้นอยู่กับ *ความต้องการในตลาด* มากกว่าการผลิตเหรียญเพิ่ม และนี่อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาของบิตคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0