ผู้บริหารของบริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ กำลังเผชิญกระแสวิจารณ์จากนักลงทุน หลังได้รับการชดเชยด้วยหุ้นในปริมาณสูงเกินควร ส่งผลให้ค่าตอบแทนของพวกเขาสูงกว่าผู้บริหารในกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีอย่างเห็นได้ชัด
รายงานล่าสุดจากบริษัทจัดการสินทรัพย์ *แวนเอ็ก(VanEck)* ระบุว่า การจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้บริหารของบริษัทขุดบิตคอยน์ชั้นนำในสหรัฐฯ *อยู่ในระดับที่รุนแรงเกินไป* และไม่สอดคล้องกับ *การสร้างมูลค่าระยะยาวขององค์กร* ความเห็นดังกล่าวมาจาก แมทธิว ซีเกล(Matthew Sigel) หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของแวนเอ็ก และนักวิเคราะห์การลงทุน นาธาน แฟรงโควิทซ์(Nathan Frankovitz) ซึ่งระบุว่า “คณะผู้บริหารกำลังอนุมัติแผนจ่ายหุ้นให้ตัวเองในอัตราที่สูง โดยไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อผู้ถือหุ้น”
รายงานได้วิเคราะห์การจ่ายค่าตอบแทนของผู้บริหารใน 8 บริษัท ได้แก่ บิท ดิจิทัล(Bit Digital), ไซเฟอร์ ไมน์นิ่ง(Cipher Mining), คลีนสปาร์ก(CleanSpark), คอร์ ไซแอนติฟิก(Core Scientific), ฮัต 8(Hut 8), มารา โฮลดิ้งส์(MARA Holdings), ไรออต แพลตฟอร์มส์(Riot Platforms) และเทราอูล์ฟ(TeraWulf)
ผลการวิเคราะห์พบว่าในปี 2023 ผู้บริหารของบริษัทขุดบิตคอยน์เหล่านี้มีรายได้เฉลี่ยราว 6.6 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ *91.7 ล้านบาท* และในปี 2024 ค่าตอบแทนเฉลี่ยพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวมาอยู่ที่ 14.4 ล้านดอลลาร์ หรือราว *200.1 ล้านบาท* ซึ่ง ‘สูงเป็นอย่างมาก’ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริหารในอุตสาหกรรมพลังงานและเทคโนโลยี
นอกจากนี้ การอนุมัติค่าตอบแทนของผู้บริหารในที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีอัตราสนับสนุนเฉลี่ยเพียง *64%* ขณะที่บริษัทในดัชนี S&P 500 และรัสเซล 3000 มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ราว *90%* ซึ่งสะท้อนว่าผู้ถือหุ้นจำนวนมากเห็นว่าการชดเชยด้วยหุ้นจำนวนมากเหล่านี้ *ส่งผลให้หุ้นเดิมถูกลดความเป็นเจ้าของลง (ดีลูชัน)* มากกว่าสร้างคุณค่าใหม่ให้บริษัท
ความไม่เชื่อมโยงระหว่างค่าตอบแทนผู้บริหารกับราคาหุ้น ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อ *ธรรมาภิบาลของบริษัทขุดบิตคอยน์* และนำไปสู่การเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้นอย่างจริงจังยิ่งขึ้นในอนาคต ความคิดเห็นคือ วิกฤตความเชื่อมั่นครั้งนี้อาจกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเรียกร้องให้บริษัทเหล่านี้ปฏิรูปโครงสร้างการกำกับดูแลอย่างโปร่งใสและยั่งยืน
ความคิดเห็น 0