หลังจากเกิดการ *เข้าซื้อแบบเซอร์ไพรส์* จากกระเป๋าเงินวาฬรายใหญ่ ราคาของมีมโทเคน *เปเป(PEPE)* ก็ทะยานขึ้นเป็นเลขสองหลักภายใน 24 ชั่วโมง กลายเป็นที่จับตามองของตลาดคริปโตอย่างรวดเร็ว โดยกระเป๋าเงินที่ชื่อว่า ‘0x06b3’ ได้ซื้อเปเปจำนวน 2.278 แสนล้านโทเคน เมื่อวันที่ 11 คิดเป็นมูลค่าราว 2.68 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 37.2 ล้านบาท) ซึ่งส่งผลให้ราคาโทเคนพุ่งขึ้นใกล้ 15% ทันที การเคลื่อนไหวครั้งนี้เชื่อมโยงกับ *สัญญาณเทคนิคที่เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว* ของราคา สร้างแรงหนุนให้กับโมเมนตัมขาขึ้น
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Lookonchain ระบุว่า การซื้อในขนาดใหญ่เช่นนี้ ถือเป็น *สัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง* ในมุมมองของนักลงทุนรายอื่น โดยราคากลับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.0000127 ดอลลาร์ ซึ่งพลิกบรรยากาศตลาดให้กลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง ที่น่าสนใจคือ เปเปสามารถ *ยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ 0.00001 ดอลลาร์ได้ถึง 3 ครั้ง* ก่อนที่จะทะลุเส้นแนวโน้มขาลงขึ้นมา ซึ่งในมุมมองของนักวิเคราะห์ นี่เป็นสัญญาณของการ *สิ้นสุดขาลงและเปลี่ยนเป็นขาขึ้นในเชิงโครงสร้าง* หรือที่เรียกว่า ‘Break of Structure (BOS)’
ปัจจัยเชิงบวกอื่นคือ *ข้อมูลการถือครองเปเปบนเชน* ที่ดูเป็นมิตรกับกระทิงมากขึ้น According to IntoTheBlock แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า *57% ของผู้ถือเปเปในปัจจุบันอยู่ในสถานะกำไร* ซึ่งสะท้อนแรงขายที่เริ่มลดลง โดยโทเคนที่อยู่ในมือของกลุ่มดังกล่าวรวมกัน 239.32 ล้านล้านโทเคน หรือราว 30.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 428.1 ล้านบาท) ขณะที่อีก 6.8% ที่อยู่ในโซนกำไรเล็กน้อย ก็น่าจะรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะตัดสินใจขาย
*อย่างไรก็ดี แนวต้านก็ยังคงแข็งแกร่ง* โดยประมาณ 36% ของผู้ถือเปเป *ยังคงอยู่ในภาวะขาดทุน* ซึ่งราคาเฉลี่ยที่พวกเขาซื้อคือในช่วง 0.000013 – 0.000021 ดอลลาร์ โซนราคานี้อาจกระตุ้นแรงขายเมื่อราคาเข้าใกล้ แรงกดดันเช่นนี้อาจสร้างอุปสรรคให้เปเปไปต่อไม่ได้นัก และหากราคาถูกปฏิเสธจากแนวต้านดังกล่าว ตลาดอาจวกกลับลงไปทดสอบแนวรับเดิมที่ 0.000009 ดอลลาร์อีกครั้ง
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้ *วาฬจะเป็นจุดเริ่มของการฟื้นตัวระยะสั้น* แต่ทิศทางในระยะถัดไปจะขึ้นอยู่กับ *การทดสอบแนวโน้มทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย* ในตลาด โดยมีความเป็นไปได้ว่า การซื้อในครั้งนี้อาจเป็น *ตัวเร่งให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นกลับมา* และอาจนำไปสู่การซื้อซ้ำเพิ่มเติม หากเกิดขึ้นจริง ก็อาจเปลี่ยนการดีดตัวครั้งนี้ให้เป็น *จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนเทรนด์อย่างแท้จริง* ดังนั้น สถานการณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จึงกลายเป็นช่วงตัดสินสำคัญว่าราคาจะพลิกเป็นขาขึ้นถาวร หรือแค่ดีดตัวชั่วคราวแล้วกลับลงอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0