Ambire Wallet คือกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบ ‘เซลฟ์คัสโตดี’ ที่ออกแบบมาเพื่อให้แม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคก็สามารถจัดเก็บและปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้อย่างง่ายดาย โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ตรงไปตรงมาและใช้งานได้ทันที จุดเด่นคือการนำเทคโนโลยี ‘การยกเว้นบัญชี(Account Abstraction)’ บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) มาใช้ก่อนใคร ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Ambire ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานและนักพัฒนาในวงกว้าง
อีโว จอร์จีเยฟ(Ivo Georgiev) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Ambire เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงในช่วงที่เขาดูแลแพลตฟอร์มโฆษณาชื่อ AdEx โดยพบว่าผู้ใช้ทั่วไปต้องเจอกับกระบวนการตั้งค่ากระเป๋าที่ยุ่งยาก ทั้งการจดจำกลุ่มคำเปอร์ส(Seed Phrase), การเตรียมค่าธรรมเนียมก๊าซ และการใช้งานที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ทั่วไป จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างกระเป๋าเงินที่ใช้งานง่าย จนนำไปสู่การเปิดตัว Ambire Wallet อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะในช่วง ‘ดีไฟซัมเมอร์’ ปี 2020 ที่ความต้องการในการควบคุมสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ Ambire คือความสามารถในการใช้งานโดยไม่ต้องมีความรู้ทางด้านเทคนิค ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกรอก Seed Phrase หรือเตรียมก๊าซไว้ล่วงหน้า เพราะค่าธรรมเนียมจะถูกหักจากสินทรัพย์ภายในระบบโดยอัตโนมัติ รวมถึงยังรองรับ Passkey สำหรับการยืนยันตัวตน, มีระบบกู้คืนบัญชี และสามารถสร้างกระเป๋าได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยาก เหล่านี้ล้วนเป็นฟังก์ชันที่จำลอง UX จากแอปฟินเทคทั่วไปมาใช้ในโลกของคริปโต
อีกหนึ่งความพิเศษของ Ambire คือการเดินหน้าพัฒนา ‘การยกเว้นบัญชี(Account Abstraction)’ ซึ่งอยู่ในโรดแมปของอีเธอเรียมมาโดยตลอด โดยมุ่งหวังให้ผู้ใช้สามารถควบคุมบัญชีได้แบบปรับเปลี่ยนได้ ผ่านมาตรฐานที่ยืดหยุ่นและไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Seed Phrase แบบเดิม การมาถึงของ EIP-7702 ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเทคโนโลยีนี้กำลังเป็นกระแสหลัก และ Ambire ซึ่งมีระบบรองรับอยู่แล้วจึงสามารถปรับตัวเข้าสู่ทิศทางตลาดได้อย่างรวดเร็ว
Ambire ยังมีฟังก์ชัน ‘การยกเว้นค่าก๊าซ(Gas Abstraction)’ โดยผู้ใช้สามารถใช้โทเคนที่หลากหลายรวมถึงสเตเบิลคอยน์ เช่น USDC ในการชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้โดยตรง หมดปัญหาต้องไปซื้อโทเคนก๊าซก่อนใช้งาน ซึ่งช่วยให้การเริ่มต้นใช้งานง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลมากเกินความจำเป็น เช่น ตัวอย่างที่ผู้ใช้มี USDC จากเพื่อนส่งมา หากเป็นกระเป๋าทั่วไปจะยังใช้งานไม่ได้จนกว่าจะเติมก๊าซ แต่ Ambire สามารถใช้ USDC เหล่านี้จ่ายค่าธรรมเนียมได้ทันที
นอกจากนี้ Ambire ยังลบล้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระเป๋าเงินอัจฉริยะในอดีต ที่เคยถูกมองว่าเข้ากันไม่ได้กับแอปพลิเคชันต่าง ๆ, ไม่สามารถเซ็นข้อความ หรือไม่สามารถทำงานเหมือนกระเป๋าเย็น แต่ Ambire ได้พิสูจน์ประสิทธิภาพจากการใช้งานจริงทั้งบนเมนเน็ตและเครือข่าย Layer 2 ต่าง ๆ
สำหรับอนาคต Ambire ตั้งเป้าที่จะปรับตัวให้พร้อมกับสภาพแวดล้อมมัลติเชนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยกำลังทดลองโซลูชันใหม่ ๆ เช่น การรวมยอดคงเหลือจากหลายเชน และอินเทอร์เฟซแบบข้ามเชนเพื่อการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ง่ายขึ้น จอร์จีเยฟยังย้ำว่า แนวทางนี้จะรวมการใช้เทคโนโลยีอย่าง ‘ธุรกรรมแบบเจตนา(Intents)’, บริดจ์, และการยกเว้นบัญชีอย่างเต็มรูปแบบเข้าด้วยกัน
Ambire Wallet จึงไม่ใช่แค่กระเป๋าคริปโตธรรมดา แต่เป็นตัวอย่างของการพัฒนา ‘เซลฟ์คัสโตดี’ รุ่นใหม่ที่เน้น UX ระดับฟินเทค ควบคู่กับเทคโนโลยีบล็อกเชนขั้นสูง ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ถือเป็นการสะท้อนว่าสิ่งสำคัญในการเติบโตของโปรเจกต์ ไม่ใช่แค่ตัวโปรโตคอล แต่คือการออกแบบจากมุมมองของผู้ใช้งานเป็นหลัก
ความคิดเห็น 0