บิตคอยน์(BTC) กลับมาทำสถิติ *ราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์* อีกครั้ง หลังทะยานขึ้นเหนือระดับ 119,400 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยประมาณ 16.5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 (เวลาท้องถิ่น) ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของตลาดทั่วโลก โดยการพุ่งขึ้นครั้งนี้มีแรงหนุนหลักจากความเคลื่อนไหวของไมเคิล เซย์เลอร์ นักลงทุนชื่อดัง และโรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้แต่งหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ซึ่งต่างแสดงความเห็นในเชิงบวกต่อบิตคอยน์
ก่อนหน้าวันพุธ บิตคอยน์ยังอยู่ที่ระดับเพียง 108,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15 ล้านบาท แต่เพียงไม่กี่วันก็พุ่งขึ้นกว่า 11,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านบาท ความน่าสนใจคือ การแข็งค่าดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะดำเนินนโยบายการค้ารุนแรง โดยประกาศ *ขึ้นภาษีนำเข้า 30%* สำหรับสินค้าจากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก ทว่าแทนที่ตลาดจะหวั่นไหว นักลงทุนกลับมองว่าเป็นปัจจัยเร่งให้บิตคอยน์ได้รับความนิยมเพิ่ม
ไมเคิล เซย์เลอร์ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น ‘ผู้เผยแพร่บิตคอยน์’ ส่อแววว่า บริษัทสตาร์เทจิ(เดิมชื่อไมโครสแตรเตจี) ที่เขาดำรงตำแหน่ง กำลัง *เพิ่มการสะสมบิตคอยน์อีกครั้ง* โดยในอดีต เซย์เลอร์เคยเปิดเผยการซื้อบิตคอยน์ประจำหลังการเลือกตั้งสหรัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ และมักมีประกาศสำคัญในทุกวันจันทร์ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีข่าวใหญ่เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
ด้านโรเบิร์ต คิโยซากิ ก็ออกมาสนับสนุนบิตคอยน์อย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า “เร็ว ๆ นี้ ผมจะซื้อบิตคอยน์อีกหนึ่งเหรียญ” พร้อม *เน้นย้ำว่าบิตคอยน์เป็นทางลัดสู่ความร่ำรวย* และเสริมว่า “ไม่เคยมียุคไหนที่คนจะรวยได้ง่ายเท่าตอนนี้” คิโยซากิกล่าวอีกว่าบิตคอยน์คือสินทรัพย์ที่ควรถือครองระยะยาว และเตือนว่าผู้ที่ไม่ลงทุนตอนนี้จะ *เสียใจในอีก 5 ปีข้างหน้า*
ขณะเดียวกัน ด้านเทคนิค บิตคอยน์ยังแสดงทิศทางที่แข็งแกร่งทะลุแนวต้านใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการย่อตัวเล็กน้อยหลังแตะ 119,000 ดอลลาร์ แต่การ *สนับสนุนอย่างเปิดเผย* จากบุคคลระดับสูงเช่น เซย์เลอร์และคิโยซากิ ยิ่งยกระดับความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคโลกที่เปราะบาง บิตคอยน์กำลังถูกยอมรับในฐานะ *สินทรัพย์เชิงป้องกัน* ที่มีอิสรภาพจากความผันผวนของนโยบายการเงิน โดยนักวิเคราะห์บางรายเห็นว่า เส้นทางราคาของบิตคอยน์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง *พัฒนาการเป็นแหล่งรักษามูลค่าที่น่าเชื่อถือ* ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เสี่ยงอีกต่อไป
ความคิดเห็น 0