บิตคอยน์(BTC) สร้างความตกตะลึงให้กับตลาด หลังการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในช่วงเพียงหนึ่งชั่วโมง ส่งผลให้เกิด ‘ความไม่สมดุลของการชอร์ตและลอง’ สูงถึง *8,593%* ตามข้อมูลจาก CoinGlass เมื่อวันที่ 24(เวลาท้องถิ่น) พบว่าตลาดได้ทำการบังคับขายตำแหน่ง ‘ลอง’ มูลค่าราว *387 ล้านบาท* ภายในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ขณะที่ตำแหน่ง ‘ชอร์ต’ ซึ่งถูกปิดตัวอยู่ที่เพียง *ประมาณ 44 ล้านบาท* เท่านั้น ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยในตลาดคริปโต
กระแสเทขายครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตลาดบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า *117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.62 ล้านบาท)* ซึ่งถือเป็นระดับแนวรับสำคัญ หลังจากที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ *123,000 ดอลลาร์ (ราว 1.71 ล้านบาท)* การหลุดจากระดับแนวรับดังกล่าว กระตุ้นให้เกิดแรงขายจำนวนมาก
ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่กระเป๋าเก็บบิตคอยน์ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมายาวนานหรือที่เรียกว่า *"วาฬที่หลับอยู่"* มีความเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน โดยมีบิตคอยน์กว่า *1.68 แสนเหรียญ* ที่ถูกย้ายออกจากกระเป๋าเหล่านี้ไปยังแพลตฟอร์มซื้อขายต่างๆ มูลค่าคิดเป็นเงินประมาณ *2.75 แสนล้านบาท* หรือ *2 หมื่นล้านดอลลาร์* สหรัฐ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การเทขายเพื่อเก็บกำไรของนักลงทุน โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการขายทำกำไรในตลาดบิตคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดของปี คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า *4.86 แสนล้านบาท (ราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์)* โดยในนั้นมีนักลงทุนระยะยาวที่ทำกำไรไปแล้ว *ราว 2.72 แสนล้านบาท* และนักลงทุนระยะสั้นอีก *2.15 แสนล้านบาท* สะท้อนถึงแรงขายจากฝั่งที่ต้องการตัดกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
แรงกระแทกจากบิตคอยน์ลามไปถึงตลาดคริปโตโดยรวม ทำให้ในช่วงเวลาเพียงวันเดียว มีคำสั่งปิดสถานะเกิดขึ้นราว *6.39 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 4.6 พันล้านดอลลาร์)* โดยบิตคอยน์, อีเธอเรียม(ETH) และริปเปิล(XRP) เป็นเหรียญหลักที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะบิตคอยน์ที่มีการปิดสถานะลองสูงถึง *ประมาณ 1.96 หมื่นล้านบาท (ราว 1.41 พันล้านดอลลาร์)*
ปัจจุบัน บิตคอยน์กำลังซื้อขายอยู่ที่ระดับ *116,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.62 ล้านบาท)* โดยมีการปรับตัวลดลงมากกว่า 4% ในหนึ่งวัน แต่สิ่งที่สะท้อนผ่านเหตุการณ์นี้กลับไม่ใช่เพียงแค่ ‘ราคาที่ลดลง’ หากแต่เป็น ‘สัญญาณเตือน’ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ *รูปแบบสภาพคล่องในตลาด* และความเสี่ยงจากการใช้ *เลเวอเรจเกินจริง*
ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่าผู้ที่ถือสินทรัพย์ในระยะยาวมองเห็นโอกาสในภาวะที่ความผันผวนต่ำ ขณะที่กลุ่มที่ใช้เลเวอเรจสูงและเปิดสถานะมากเกินไป ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เหตุการณ์นี้อาจถูกจารึกเป็นตัวอย่างอันชัดเจนว่า *“การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เก่าเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเปลี่ยนภาพรวมตลาดได้อย่างรุนแรงเพียงใด”*
ความคิดเห็น 0