บิตคอยน์(BTC) กำลังแสดงสัญญาณการสะสมครั้งใหญ่ในปีนี้ หลังจากนักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกว่า ‘วาฬ’ ได้ทำการซื้อเพิ่มอีกกว่า 248,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 5.14 หมื่นล้านบาทในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปริมาณเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากกระเป๋าเงินที่เรียกว่า ‘กระเป๋าสะสม (accumulator wallets)’ ซึ่งเป็นกระเป๋าประเภทที่ไม่มีประวัติการขายออกเลย และมักใช้เก็บระยะยาว
จากข้อมูลของแพลตฟอร์มข้อมูลออนเชนอย่าง CryptoQuant ระบุว่าการสะสมในเดือนนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนประมาณ 164,000 BTC ถึงกว่า 50% นั่นเท่ากับว่ามูลค่าการถือครองของวาฬเหล่านี้ได้พุ่งแตะประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.17 แสนล้านบาท ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังสะสมในระดับที่ใกล้จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่เป็นเอกฉันท์ เมื่อยังมีวาฬบางส่วนที่เปิด ‘สถานะขาย’ อยู่ โดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ Alphractal นักวิเคราะห์อย่างโชอัง เวดสัน(Joao Wedson) ระบุว่า มีการเปิดสถานะขายจากวาฬในธุรกรรมขนาดใหญ่ระดับกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 139 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ร่วมระหว่างข้อมูลการเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อขายสะสม(CVD) และสัญญาเปิด(Open Interest) สะท้อนความไม่ชัดเจนของทิศทางในระยะสั้น
ในขณะที่มีกระแสสะสมอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มที่ถือระยะยาว กลับมีนักลงทุนอีกส่วนที่วางกลยุทธ์เผื่อการ ‘ปรับฐาน’ ของราคา หากราคาบิตคอยน์เกิดปรับลงหรือเคลื่อนไหวในแนวราบต่อเนื่อง ก็มีความเป็นไปได้ว่าบาง ‘กระเป๋าสะสม’ เหล่านี้จะเริ่มทยอยขายออกมาในตลาด ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจกดดันให้เกิดแรงขายเพิ่มเติมระยะสั้น
ปัจจุบันบิตคอยน์มีการซื้อขายอยู่ที่ราว 116,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.62 ล้านบาท) แม้จะร่วงลง 4.5% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่หากมองระยะสัปดาห์ยังสร้างผลตอบแทนบวก 8% และยังรักษาทิศทางขาขึ้นไว้ได้ นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคอย่างอาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) เปิดเผยว่า ราคาบิตคอยน์เพิ่งแตะเป้าหมายที่ 121,000 ดอลลาร์ (ราว 1.68 ล้านบาท) ไปเมื่อไม่นานนี้ และประเมินแนวต้านถัดไปไว้ที่ 131,000 ดอลลาร์, 144,000 ดอลลาร์ และ 158,000 ดอลลาร์ตามลำดับ
ในอีกด้าน บิตคอยน์กลับดึงดูดกระแสการลงทุนด้านผลิตภัณฑ์การเงินอย่างแข็งแกร่ง โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนเพียงสัปดาห์เดียว มีเงินทุนไหลเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ลงทุนที่เกี่ยวกับบิตคอยน์สูงถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5.14 หมื่นล้านบาท) กลายเป็นระดับเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ ส่วนยอดรวมตั้งแต่ต้นปี ทะลุไปถึง 22.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.15 แสนล้านบาท ซึ่ง ‘สะท้อนการขยายตัวที่ต่อเนื่องของตลาดคริปโตที่มี ETF เป็นกลไกหลัก’
ถึงแม้นักลงทุนสายบวกจะยังคงยืนยันเป้าราคา 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.78 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี แต่บรรยากาศในตลาดยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การจัดพอร์ตของกลุ่มวาฬที่หลากหลายยังคงแสดงให้เห็นถึงความลังเลในทิศทางระยะกลาง ซึ่ง ‘เพิ่มแรงกดดันในตลาดและตอกย้ำความตึงเครียดรอบบิตคอยน์’ อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0